กองปราบ ร่วมกับ ภ.จว.สงขลา และ ชุดสืบสวน ภ.9 จับกุมพ่อใจมารสังหารโหดลูกในไส้ ปาดคอดับ ยัดกระสอบฝังดินหมกกลางป่ายาง หวังอำพรางคดี

กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา และกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 9  โดยการอำนวยสั่งการของ พล.ต.ต.จิรภพ  ภูริเดช ผบก.ป., พล.ต.ต.ทิวธวัช นครศรี ผบก.ภ.จว.สงขลา, พล.ต.ต.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์  บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ  ขุนไชยแก้ว ผกก.6 บก.ป., พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.4 บก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.ดุสิต พรหมสิน ผกก.กก.สส.ภ.จว.สงขลา,  พ.ต.อ.วิวัฒนชัย์ ธรรมวิทยาภูมิ, พ.ต.ท.พงษ์พันธ์  ศิริภัทรนุกุล, พ.ต.ท.ณัทกฤช  น้อยคำปัน, พ.ต.ท.ปิยพล  แป้นแก้ว, พ.ต.ท.ดำรงค์เกียรติ  ข่าทิพย์พาที รอง ผกก.6บก.ป., และ พ.ต.ต.พัฒษพงศ์ เสนีแสนเสนา สว.กก.6 บก.ป. พร้อมพวกได้ร่วมกันจับกุม นายอรุณ (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลาที่ จ.270/2563 ลงวันที่ 23 เดือน พฤษภาคม พ.ศ.2563  ข้อหา “ฆ่าผู้อื่น, ลอบฝัง, ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิดการตายหรือเหตุแห่งการตาย”

พฤติการณ์ในการก่อเหตุ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่าพบซากโครงกระดูกถูกคลุมด้วยกระสอบปุ๋ย ถูกฝังดินไว้ที่ป่าควนขี้เก้ง ม.9 ต.นาหม่อม อ.นาหม่อม จ.สงขลา ซึ่งเป็นซากโครงกระดูก มีเสื้อผ้าคลุม และเครื่องประดับต่างๆ โดยถูกมัดใส่กระสอบปุ๋ยในสภาพเน่าเปื่อยเหลือแต่โครงกระดูก ซึ่งเชื่อว่าเสียชีวิตมาเป็นเวลาหลายวัน ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสจาก นางสาวไอซ์ (นามสมมุติ) ว่าโครงกระดูกที่พบ คือแฟนหนุ่มของนางสาวกุ้ง (นามสมมุติ)

 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาและเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.สส.ภ.9 สืบสวนสอบสวน จนทราบว่าผู้ตายคือเป็นนายชาญชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี เป็นชาว จ.พัทลุง ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย.2563 เวลาประมาณ 22.00 น. พร้อมกับรถจักรยานยนต์ โดยนางสาวกุ้ง (แฟนสาว) ให้การว่า ก่อนที่แฟนหนุ่มของตนจะหายไป แฟนหนุ่มของตนไปกรีดยางที่ป่ายางกับนายอรุณฯซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ แต่เมื่อถึงเวลาเลิกงาน แฟนหนุ่มของตนได้หายไป พบแต่เพียงนายอรุณฯ และทางนางสาวกุ้งยังให้การเพิ่มเติมอีกว่า นายอรุณฯ (พ่อของผู้ตาย) มักจะกระทำอนาจารตนอยู่บ่อยครั้ง โดยบังคับข่มขืนใจในช่วงที่นายชาญชัยฯ (ผู้ตาย) ไม่อยู่บ้าน และหลังจากที่นายชาญชัย (ผู้ตาย) หายตัวไป นายอรุณฯยังคงทำพฤติกรรมอยู่เช่นเดิม จนกระทั่งตนหนีกลับไปอยู่ที่บ้านญาติ แต่นายอรุณก็ยังได้โทรมาบอกตนว่าหากกลับมาอยู่กับนายอรุณฯในฐานะภรรยา นายชาญชัยฯ (ผู้ตาย) จะกลับมาเอง ซึ่งตนไม่ได้หลงเชื่อและไม่ยอมกลับไปตามคำชวนของนายอรุณฯ 

และเนื่องด้วยพยานหลักฐานและคำให้การของพยานต่างๆ ในวันที่ 23 พ.ค.63 เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เชิญตัวนายอรุณฯ มาสอบสวน ซึ่งนายอรุณฯ รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ว่าตนเองเป็นคนฆ่าบุตรชายและได้ลากศพของนายชาญชัยฯ ลงมาจากป่าสวนยางที่เกิดเหตุ แล้วขุดหลุมฝังศพของนายชาญชัยฯ เพื่ออำพราง ตรงบริเวณป่าที่พบศพ จากนั้นได้ทิ้งอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ จอบที่ใช้ขุดหลุมฝังศพ และรถจักรยานยนต์ที่นายชาญชัยฯผู้ตายขับขี่ไปไว้ในป่าบริเวณใกล้กับที่ฝังศพ แล้วจึงหลบหนีกลับมาอยู่ที่บ้านเช่าของตนเอง และบอกกับนางสาวกุ้งฯ ว่านายชาญชัยฯมีปากเสียงกับตนและหนีไปโดยไม่ทราบว่าไปที่ใด

 

ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด