ตำรวจรวบหนุ่มเมืองคอน โพสต์ขาย “กระท่อม-กัญชา” ผ่านเฟซบุ๊ก

ป.ป.ส. ย้ำ นโยบายปรับสถานะพืชกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษ เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ ส่งเสริมการนำไปใช้อย่างถูกต้อง ไม่อนุญาตให้ใช้ในทางที่ผิด พร้อมเชิญชวนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ. … เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมพืชกระท่อมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ภายหลังการถอดจากยาเสพติดให้โทษ

วันที่ 22 กรกฎาคม 2563 สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีการโพสต์ซื้อ-ขายต้นกล้าพืชกระท่อมทางเฟซบุ๊ก จึงได้มอบหมายให้มีการตรวจสอบและให้สำนักงาน ปปส.ภาค 8 ดำเนินการสืบสวนจนทราบว่า นอกจากการโพสต์โฆษณาซื้อ-ขายต้นกล้าพืชกระท่อมแล้วยังมีการซื้อ-ขายกัญชา โดยมีการจัดส่งให้กับลูกค้าผ่านทางผู้ให้บริการรับ/ส่งพัสดุต่าง ๆ อีกด้วย จึงได้ประสานกับตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช จับผู้กระทำผิดพร้อมยาเสพติดของกลาง

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “กรณีดังกล่าวสำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับแจ้งจากสุภาพสตรีท่านหนึ่งว่าได้พบการโพสต์โฆษณาขายต้นกล้าพืชกระท่อมผ่านทางเฟซบุ๊ก และเกิดความกังวลว่าประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนจะเข้าใจว่าพืชกระท่อมไม่ผิดกฎหมาย และเข้าไปติดต่อซื้อ-ขายพืชกระท่อม สำนักงาน ป.ป.ส. จึงได้เร่งดำเนินการตรวจสอบโดยประสานกับตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช ทำการสืบสวนจนพบข้อเท็จจริงว่ามีบุคคลลักลอบปลูกพืชกระท่อม นำมาต้ม ส่งขาย และลงโฆษณาขายผ่านทางเฟซบุ๊กจริง จึงได้เข้าตรวจค้นพบน้ำต้มพืชกระท่อม 1.25 ลิตร 2 ขวด ต้นกระท่อม 28 กิโลกรัม ต้นกัญชา 3 กิโลกรัม และยาบ้า 14 เม็ด และจับกุมผู้โพสต์ขายดังกล่าวเป็นชายอายุประมาณ 32 ปี ที่หมู่ 2 ต.มะม่วงสองต้น อ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากชายดังกล่าวจะถูกดำเนินคดีในความผิดฐานผลิต (ปลูก) พืชกระท่อม ผลิต (ต้ม/สกัด) จำหน่ายและครอบครองเพื่อจำหน่ายพืชกระท่อมแล้ว ยังมีความผิดฐานโฆษณายาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับ 20,000 -200,000 บาท อีกด้วย จึงขอย้ำว่าในขณะนี้กระบวนการปรับสถานะกระท่อมออกจากยาเสพติดให้โทษยังไม่เสร็จสิ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนข้างหน้านี้

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวต่อว่า จากการที่ยังมีข้อห่วงใยว่า ภายหลังจากการถอดพืชกระท่อมจากยาเสพติดให้โทษแล้ว จะมีการนำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด จึงขอให้ทุกฝ่ายช่วยประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนถึงแนวทางที่ถูกต้องในการใช้ประโยชน์จากพืชกระท่อม นอกจากนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีข้อแนะนำให้มีการออกกฎหมายเป็นการเฉพาะเพื่อกำกับดูแลการใช้พืชกระท่อมภายหลังการถอดจากยาเสพติดให้โทษ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการยกร่างในเบื้องต้นแล้ว และได้เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ. … เพื่อกำหนดมาตรการควบคุมพืชกระท่อมที่เหมาะสมกับประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์สำนักงาน ป.ป.ส.

https://www.oncb.go.th/Pages/10_07_2020_kratom63.aspx หรือเพจเฟซบุ๊ก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวในตอนท้ายว่า ขอให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจในเจตนาและความตั้งใจของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในการปรับนโยบายพืชเสพติดในครั้งนี้ ต้องไม่ทำให้เด็ก เยาวชน และบุตรหลานของเรานำพืชกระท่อมไปใช้ในทางที่ผิด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบเชิงลบกับพี่น้องประชาชน และขอความร่วมมือ หากพบเห็นผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แจ้งเบาะแสยาเสพติดได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง