ผบช.สตม. แถลงจับกุมฉ้อโกงหลอกขายนาฬิกาหรู มูลค่าความเสียหายมากกว่า 40 ล้านบาท

วันนี้ 31 ม.ค.62 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เผยว่ามีผู้เสียหายรวมตัวกันมาร้องเรียนว่ามีมิจฉาชีพได้หลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายราย ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกซ์ (Facebook & LINE) หว่านล้อมหลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถซื้อนาฬิกาหรูยี่ห้อต่างๆ ได้ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ผู้เสียหายที่ต้องการซื้อนาฬิกาไปเพื่อขายต่อเอากำไรจึงหลงเชื่อ และมีการโอนเงิน ให้กับผู้ต้องหา ซึ่งในช่วงแรกจะมีการส่งนาฬิกาที่สั่งซื้อไว้ตามกำหนด แต่เมื่อมีการสั่งนาฬิกาจำนวนมากก็จะไม่ได้รับนาฬิกาที่สั่งซื้อแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นมีผู้เสียหายมาแจ้งความไว้แล้วจำนวน 6 รายผู้เสียหายรายที่ 1 เสียหาย 1,300,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 2 เสียหาย 4,310,000 บาท ,ผู้เสียหายรายที่ 3 เสียหาย 11,030,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 4 เสียหาย 11,030,000 บาท,ผู้เสียหายรายที่ 5 เสียหาย 9,700,000 บาท ผู้เสียหายรายที่ 6 เสียหาย 6,610,000 บาท
รวม 43,980,000 บาท

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบช.สตม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปอส.ตร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงข่าวดังนี้1.แถลงข่าวมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในคดีแสร้งรักออนไลน์ (Romance Scams) ครั้งที่ 11 จำนวน 2 ราย รวมเป็นเงินกว่า 319,000 บาท 2.แถลงข่าวติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับคดี call center และ romance scams ค้างเก่า3.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 คน หลอกลวงผู้เสียหายจำนวนหลายราย ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกซ์ (Facebook & LINE) ว่ามีนาฬิกาหรูยี่ห้อต่างๆ ราคาถูก สามารถลงทุนนำไปขายต่อในราคาแพง แล้วเชิดเงินหลบหนี ความเสียหายกว่า 43 ล้านบาท4.แถลงข่าวจับกุมเจ้าของเว็บไซต์เผยแพร่ข่าวเท็จ "มีผู้เสียชีวิตจากค่าฝุ่นละอองในอากาศ PM ๒.๕ เกินมาตรฐานฯ" ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก5.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาเป็นพระภิกษุ จำนวน2รูป และชาวเยอรมัน โหลดคลิปสื่อลามกอนาจารเด็กไว้ในครอบครองเพื่อประโยชน์ทางเพศสำหรับตนเองในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี จ.ขอนแก่น และผลการดำเนินการปราบปรามของศูนย์ ในช่วงที่ผ่านมา6.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติ เช็กเป็นบุคคลตามหมายจับสากล ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของสาธารณรัฐเช็ก ในคดี "ร่วมกันปล้นทรัพย์" ในประเทศของตนเอง7.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ หลอกลวงชาวญี่ปุ่น จำนวน 3 ราย ให้เดินทางมายังประเทศไทย แล้วได้ข่มขู่ กักขัง ทำร้ายร่างกาย ชาวญี่ปุ่นทั้ง 3 คนได้เงินไปกว่า 2,640,000 บาท โดยผู้เสียหาย1คนได้หลบหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากสถานฑูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย โดยประสานความร่วมมือมายัง สตม. เพื่อให้ช่วยเหลือชายญี่ปุ่นอีก 2 คน ที่ยังคงอยู่กับผู้ต้องหา8.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ ในคดีสำคัญตามหมายจับของประเทศเกาหลีใต้และกำลังเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจประเทศเกาหลีใต้ โดยระหว่างการจับกุม พบยาไอซ์ ประมาณ 10 จี ภายในห้องพักอีกด้วย9.แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้ร่วมกับภริยาคนไทย นำภาพพาสปอร์ตชาวเกาหลีใต้ด้วยกันมาตัดแปะรูปของตนเอง แล้วนำไปถ่ายเอกสาร เพื่อไปเช่ารถและนำไปขายในภายหลัง ความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังพบว่าผู้ต้องหาชาวเกาหลีใต้นี้มีหมายจับของประเทศเกาหลีใต้ อีกกว่า 60 หมายจับณ ห้องประชุมศรียานนท์ โซนซี(ติดห้องกระจก) ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.

Posted by สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ on Wednesday, 30 January 2019


พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้กำหนดยุทธศาสตร์และมาตรการในการป้องกันและปราบปรามการการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบต่างๆ และได้เร่งรัดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการแก้ไขปัญหาให้เห็นเป็นรูปธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จริงจังในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงได้ตั้งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ( ศปอส.ตร.) ซึ่งศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ ตำรวจภูธร ภาค1
ร่วมกันจับกุมคนร้ายร่วมกันฉ้อโกงหลอกขายนาฬิกาหรู ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกซ์(Facebook & LINE) มูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท หลังผู้เสียหายขอความช่วยเหลือผ่านเพจ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล จากการสืบสวนทราบว่า คนร้ายคือนางณกานดา ฐิติมนภูดิส อายุ 47 ปี( หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 30/2562 ลง 24 ม.ค.62),น.ส.ศิรฉัตร กิจธนธีรนันท์ อายุ 33 ปี (หมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ 31/2562 ลง 24 ม.ค.62)ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริตหลอกลวงนำข้อความอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน”จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จว.นนทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายการกระทำของ บุคคลทั้งสอง จึงเป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท

 

<https://www.facebook.com/policetv.tv/videos/354710092029312/

ทั้งนี้ ขอสื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ ไปยังประชาชนทั่วไป หากท่านได้รับความเดือดร้อนจากการถูกหลอกหรือโฆษณาชวนเชื่อ และสงสัยว่าอาจตกเป็นเหยื่อ ให้สอบถามข้อมูลได้ที่ ศปอส.ตร.โทร 1155 หรือ ผ่านแอฟพิเคชั่นไลน์(ศปอส.ตร.) หรือ ผ่านเฟซบุ๊ก(Facebook) ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เพื่อดำเนินการนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป