กองปราบตามรวบหนุ่มขืนใจสองพี่น้อง หนีกบดานนาน 13 ปี

กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.สรร      มั่นเมืองรยา รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.สุพจน์ พุ่มแหยม, พ.ต.ท.อนุชา ศรีสำโรง,    พ.ต.ท.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น และ พ.ต.ท.ภูวนนท์ สมัครไทย รอง ผกก.5 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.พิทยา ธนาวุฒิ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมกำลังข้าราชการตำรวจ       กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม นายธนารัฐ หรือโบว์ (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 2 หมายจับ ดังต่อไปนี้

1. ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 85/2551 ลง 25 ก.พ.2551 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม”

2. ตามหมายจับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 83/2551 ลง 25 ก.พ.2551 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” จับกุมได้ที่ บริเวณริมถนน ม.1 ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

เมื่อประมาณเดือน ธ.ค. 2550 นายธนารัฐ หรือโบว์ (ผู้ต้องหา) ได้ชักชวนเด็กหญิงเอ (วัย 9 ขวบ)  และเด็กหญิงบี (วัย 7 ขวบ) สองพี่น้องซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนบ้าน มาเล่นที่บ้านของตนเองเป็นประจำ จนกระทั่งวันที่ 7 ธ.ค. 2550 เด็กหญิงเอ ได้มาเล่นที่บ้านของผู้ต้องหาตามลำพัง นายโบว์ฯ (ผู้ต้องหา) เห็นว่าไม่มีใคร จึงสบโอกาสกระทำชำเราเด็กหญิงเอ และบังคับข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2550 นายโบว์ฯ (ผู้ต้องหา) ก็ได้ชักชวนเด็กหญิงบีมาเล่นที่บ้านของตนด้วยเช่นกัน เมื่อสบโอกาสได้กระทำชำเราเด็กหญิงบี และบังคับข่มขู่ไม่ให้นำเรื่องนี้ไปบอกใคร จนต่อมาทางผู้ปกครองของเด็กทั้งสองสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้สอบถามความจริง จนทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้ปกครองจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีกับ นายธนารัฐ หรือโบว์ (ผู้ต้องหา) ตามกฎหมายต่อไป

จนกระทั่งวันที่ 2 พ.ย. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนติดตามจนทราบว่า           นายธนารัฐ หรือโบว์ฯ ได้หลบหนีมากบดานอยู่ในพื้นที่ ม.1 ต.บางรักใหญ่ อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ในที่สุด

จากการสอบถาม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

“ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”