กองปราบตามรวบ แก๊งหลอกซื้อรถยนต์ หลังหนีคดีกว่า 8 ปี

กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.พุฒิเดช บุญกระพือ
รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.๒ บก.ป., พ.ต.ท.สมบัติ มีมงคล, พ.ต.ท.วิศิษฐ์ พลบม่วง, พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.นฤทธิ์ ผูกจิตร รอง ผกก.๒ บก.ป.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.เอกพล ปัญจมานนท์ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมกำลังข้าราชการตำรวจ ชุดปฏิบัติการ 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม

ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายธรรมรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่ 57/2555 ลงวันที่ 12 ธันวาคม 2555 โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกง ”
สถานที่จับกุม ร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริเวณ ถ.ชัยพฤกษ์ ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

โดยมีพฤติการณ์ คือ ด้วยช่วงประมาณปี พ.ศ.2553 ผู้ต้องหาได้ร่วมกับพวกใช้อุบายในการหลอกผู้เสียหาย โดยทำทีว่าต้องการซื้อรถยนต์จากบริษัทหรือเต๊นท์รถของผู้เสียหาย หลังจากนั้นผู้ต้องหาจะเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อโดยใช้ชื่อบริษัทและเอกสารต่างๆของผู้ต้องหาในการทำสัญญา เนื่องจากผู้ต้องหามีประวัติทางการเงินดี น่าเชื่อถือ จึงทำให้ง่ายต่อการอนุมัติสินเชื่อ เมื่อบริษัทฯสินเชื่ออนุมัติสินเชื่อ กลุ่มผู้ต้องหาจะรับรถแล้วนำรถยนต์ไปจำหน่ายต่อ โดยไม่มีการผ่อนชำระแต่อย่างใด โดยขบวนการนี้ทำมาแล้วกว่าสิบครั้ง มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งมีการหลอกซื้อรถยนต์หลายรุ่นหลายยี่ห้อ ทั้งรถกระบะ รถยนต์เก๋ง แม้กระทั่งรถสปอร์ต

จนกระทั่งวันที่ 24 ก.พ.63 เวลาประมาณ 16.40 น. ชุดสืบสวน กก.2 บก.ป. ได้สืบทราบว่านายธรรมรัตน์ฯผู้ต้องหา ได้มาเปิดร้านอาหาร บริเวณ ถ.ชัยพฤกษ์ ต.คลองพระอุดม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบผู้ต้องหาอยู่บริเวณดังกล่าว จึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาอ่านดูจนเป็นที่พอใจแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าผู้ต้องหาเป็นผู้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากบริษัทของผู้เสียหายจริง เนื่องจากตนมีประวัติทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ เมื่อได้รับรถยนต์มาแล้ว จะส่งมอบรถยนต์ให้กับพวกที่เหลือในขบวนการ โดยผู้ต้องหาจะได้ค่าจ้างในการนำชื่อและเอกสารของตนเองไปทำสัญญาเป็นจำนวนเงินครั้งละประมาณ 50,000 บาท