ตร.แถลงจับกุม ‘เครือข่ายแชร์ลูกโซ่’ บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท

ตามนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุม กลุ่มกระบวนการแชร์ลูกโซ่ ที่หลอกลวงสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการ
ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.) ดำเนินการเร่งรัด สืบสวนติดตามจับกุม ตามสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ผอ.ศปอส.ตร.),พล.ต.ท. ชวลิต แสวงพืชน์. ผบช.สทส.,พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท.,พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา รอง ผบช.สทส./รอง หน.ฝ่ายเทคนิคและสืบสวน ศปอส.ตร. สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ
นุชนารถ ผบก.ขส. บช.ปส. ,พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ. ประสานงานกับ พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์
รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. , พ.ต.ท. ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านสืบสวนสอบสวนทางการเงิน ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองคดี 4 , นางสาวสุภัค ไชยวรรณ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และนายเอนก อยู่ยืน ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต. เข้าสืบสวนติดตามจับกุมเครือข่ายแชร์ลูกโซ่รายบริษัทพีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน)

พฤติการณ์กล่าวคือ พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ขนาดนิด หน.ชุดสอบสวนเฉพาะทาง ศปอส.ตร. และเจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวน ศปอส.ตร. เข้าสืบสวนกรณีบริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) ได้โฆษณาชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงทุนกับบริษัทโดยเสนอให้ผลตอบแทนสูง นอกจากนี้สมาชิกที่ร่วมลงทุนจะได้รับเงินตอบแทนเพิ่ม หากสามารถแนะนำหรือชักชวนคนมาร่วมลงทุนกับบริษัท เข้าข่ายลักษณะของเครือข่ายแชร์ลูกโซ่

จากการตรวจสอบ พบว่า เมื่อต้นปี พ.ศ.2562 บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) มี นายวิชาญ เมฆพายัพ เป็นประธานกรรมการ ได้จัดทำเอกสารแนะนำบริษัท เสนอต่อประชาชน โดยเสนอแนวคิดในการนำพลังงานทางเลือกมาใช้ในการพัฒนาการเกษตร มีการนำเทคโนโลยีทางการเกษตรมาใช้ เพื่อผลประโยชน์ของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป นำเสนอบริษัทมหาชนที่จะมีผู้ร่วมลงทุนเป็นเกษตรกร และประชาชนที่ต้องการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยนายวิชาญ ฯ ได้กล่าวอ้างว่าได้สร้างนวัตกรรม เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแม่เหล็ก ได้สำเร็จและอยู่ระหว่างการผลิตเพื่อนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ โดยมียอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก นายวิชาญ ฯ และบริษัทฯ อยากให้คนไทย มีส่วนร่วมในความสำเร็จ จึงได้เสนอให้ประชาชนทั่วไป ให้เข้าร่วมลงทุนเป็นผู้ถือหุ้น ใน บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) โดยการร่วมลงทุน เริ่มตั้งแต่ 1,000 บาท จนถึง 1,000,000 บาท บริษัทฯ จะจ่ายผลตอบแทนการลงทุนให้กับผู้ถือหุ้น/สมาชิกทุกวันศุกร์ โดยให้ผลตอบแทน 5% ต่อสัปดาห์ รวม 95 สัปดาห์ หรือคิดเป็น  475 % ของเงินต้น หลังจากครบ 95 สัปดาห์ จะได้รับเงินปันผลตามผลประกอบการของบริษัท นอกจากนี้หากสมาชิกที่ร่วมลงทุนใน บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) แล้ว สามารถแนะนำผู้อื่นมาร่วมลงทุนได้ จะได้รับผลตอบแทนอีก 10% ของยอดเงินลงทุน และรับเงินเพิ่มอีกตามระบบ ไบนารีจับคู่ (เงินบริหารทีม) นอกจากการผลิตเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าใน บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) บริษัทฯอ้างว่ามีบริษัทในเครือ และบริษัทที่เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ อีกหลายบริษัท ที่ประกอบธุรกิจสร้างรายได้ นำมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ร่วมลงทุนได้ ทำให้มีประชาชนหลงเชื่อเข้าร่วมลงทุนใน บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) จำนวนมาก

จากการเข้าสืบสวนสอบสวน พบว่าธุรกิจที่ บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน) กล่าวอ้างนั้น ยังไม่มีการประกอบธุรกิจจริง หรือในส่วนที่ประกอบธุรกิจอยู่นั้น ไม่สามารถสร้างผลกำไรเพียงพอที่จะมาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับสมาชิก  แต่นายวิชาญฯ ประธานกรรมการ บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน)  กับพวก ยังคงเดินสายชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุน มีการจัดประชุม สัมมนา เชิญชวนให้มีการลงทุนทั้งที่จังหวัดเพชรบูรณ์  เชียงราย  บุรีรัมย์ สงขลา  ชลบุรี  มีผู้เข้าร่วมงานหลายพันคน ตรวจสอบพบว่ามีจำนวนสมาชิกผู้ร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พบเงินหมุนเวียนกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในวงกว้าง ทางศปอส.ตร.โดย พ.ต.อ.ชูศักดิ์ ขนาดนิด จึงได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับ บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด(มหาชน)  และผู้เกี่ยวข้อง ในความผิดตาม ป.อาญา ,พรบ.คอมพิวเตอร์ และ พรก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ได้ประสานงานกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และได้ขออนุมัติศาลให้จับกุมตัวนายวิชาญฯ กับพวก ศาลอนุมัติหมายจับตามขอ ดังนี้

1 นายวิชาญ เมฆพายัพ  อายุ 67 ปี  ฐานะกรรมการผู้มีอำนาจ จำนวน 2 หมาย  ตามหมายจับศาลอาญาที่ 578/63 ลง 27 เม.ย.63  ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและตามหมายจับที่ 606/2563 ลง 5 พ.ค.2563 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” 2 .นายธีวรา  เมฆพายัพ   อายุ 24 ปี  จำนวน 2 หมาย  ตามหมายจับศาลอาญาที่ 579/63 ลง 27 เม.ย.63ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง,ร่วมฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและ ตามหมายจับที่ 607/2563 ลง 5 พ.ค.2563 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” 3 นายสถาพร  พุกบุญมี อายุ 57 ปี  จำนวน 1 หมาย  ตามหมายจับศาลอาญาที่ 608/2563 ลง 5 พ.ค.2563 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน” 4  นายกวิณกรณ์  จันอรุณวัณกิจ อายุ 40 ปี  จำนวน 1 หมาย  ตามหมายจับศาลอาญาที่ 609/2563 ลง
5 พ.ค.2563 ข้อหา “ร่วมกันฟอกเงิน”

โดยผู้ต้องหาที่ 1- 3 ได้มามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ส่วนนายกวิณกรณ์ฯ ได้หลบหนี  และสามารถติดตามจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.63  ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจค้นและตรวจยึดทรัพย์สินของกลุ่มผู้ต้องหา ได้ดังนี้ 1.ตรวจยึด/อายัด ทรัพย์สิน บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) กับพวก เป็นโฉนดที่ดิน 37ฉบับ  ,รถยนต์ยี่ห้อเบนซ์  ฟอร์ดฯลฯ  จำนวน 22 คัน  , อาวุธปืน 1 กระบอก รวมจำนวน  127 รายการ  รวมมูลค่าประมาณ 200 ล้านบาท    2. อายัดบัญชีเงินฝากธนาคารของ บริษัท พีบี.สมาร์ทฟาร์เมอร์ จำกัด (มหาชน) กับบัญชีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า  41  บัญชี รวมเป็นเงินประมาณ 55 ล้านบาท   จะได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินดคีกับผู้ร่วมกระทำความผิด และติดตามยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ กก.4 บก.ปอศ. และเพื่อความสะดวกให้เข้าไปแจ้งข้อมูลในระบบก่อน  ปรากฎตาม QR Code

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากถึงพี่น้องประชาชน ที่ถูกหลอกลวงให้ร่วมลงทุนกับบริษัทฯดังกล่าว  สามารถแจ้งเหตุผ่านสายด่วนของ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ที่สายด่วนหมายเลข 1155 และ 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง