นครศรีฯ ปฏิบัติการทำลายเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและจับกุมอาวุธปืน อาวุธสงคราม

ตามนโยบายของรัฐบาลในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ในโครงการไทยนิยมยั่งยืน ร่วมแก้ปัญหา     ยาเสพติด โดยสั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กวดขัน ปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง

พล.ต.อ.จักรทิพย์  ชัยจินดา  ผบ.ตร., พล.ต.อ.สุชาติ  ธีระสวัสดิ์  รอง ผบ.ตร.(ปป.)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข รอง ผบก.ตร.(มค.)  สั่งการกำชับเร่งรัดกวดขันการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม อาวุธปืน และยาเสพติดทุกประเภท โดยเฉพาะยาเสพติดให้ขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อทำลายเครือข่ายทั้งผู้สมคบ ผู้สนับสนุน ช่วยเหลือ และขยายผลยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด รวมถึง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อหาทางป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดให้ได้ผล

ที่กองบังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พลตำรวจตรีสนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ติดตามผลการปฏิบัติการตามแผน “ดาวฤกษ์เมืองคอน” โดยมีเป้าหมายในการกวาดล้างอาวุธปืนผิดกฎหมาย และเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่จะต้องดดำเนินการไปให้ถึงการยึดทรัพย์ ทำลายการฟอกเงิน

โดยการจับกุมอาวุธปืนในหลายท้องที่ของนครศรีธรรมราช พบว่าแก๊งส์ยาเสพติดส่วนใหญ่จะมีอาวุธปืนร้ายแรงติดตัวอยู่ด้วย เช่นที่ท้องที่ สภ.ฉวาง เจ้าหน้าที่จับกุม น.ส.สุดใจ บัวแก้ว และนายบริบูรณ์ รัมมะนพ 155/8 ม.8 ต.ไสหร้า อ.ฉวาง ซึ่งเป็นแหล่งลอบค้ายาเสพติดเจ้าหน้าที่ตรวจยึด ไอซ์ 244.83 กรัม , ยาบ้า 600 เม็ด , อาวุธปืนยาว M 16 จำนวน 1 กระบอก , ปืนกลมือ (ทอมสัน) 1 กระบอก , ปืนยาว .22 จำนวน 3 กระบอก ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 ม.ม. จำนวน 56 นัด กระสุนปืนลูกซอง 11 นัด กระสุนปืน .22 จำนวน 50 นัด , กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 22 นัด

ส่วนการจับกุมอาวุธปืนทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งมีทั้งอาวุธปืนสั้น ปืนยาว และปืนอัดลม รวมทั้งชนิดไทยประดิษฐ์รวมแล้วเกือบ 100 กระบอก และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ยังได้ทลายเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในอำเภอสิชล อำเภอนบพิตำ และใช้ พรบ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เข้ายึดทรัพย์นายจักรพงศ์ สุดสวาท ในพื้นที่ อ.สิชล เครือข่ายนายปิยะ มะค่อม ในพื้นที่ อ.นบพิตำ สามารถยึดทรัพย์สินเป็นเงินสด ทองรูปพรรณ และรถยนต์อีก 4 คันมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านบาท และยังมีโฉนดที่ดิน ที่ยังอยู่ในระหว่างประเมินค่าอีกหลายรายการ