ผบช.ภ.4 นำตรวจโรงงานแหอวน คัดกรอง 150 แรงงานชาวเมียนร์มา ซื้อสินค้าจากผู้ติดเชื้อชาวอุบลราชธานี

ผบช.ภ.4 นำตรวจโรงงานแหอวน คัดกรอง 150 แรงงานชาวเมียนร์มา ซื้อสินค้าจากผู้ติดเชื้อชาวอุบลราชธานี กำชับสถานประกอบการห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวเด็ดขาด พร้อมงดการเยี่ยมญาติและจัดงานรื่นเริง

เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 29 ธ.ค. 2563 ที่บริษัทขอนแก่นแหอวนจำกัด สาขาบวร ตั้งอยู่ เลขที่ 250 ม.8 ถนนเหล่านาดี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4  พร้อมด้วย นายจารึก เหล่าประเสริฐ รอง ผวจ.ขอนแก่น,พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น และ พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจโรงงาน รวมถึงมาตรการการดูแลและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในกลุ่มสถานประกอบการที่รับแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาร์

โดยคณะ ได้เข้าตรวจสถานประกอบการและที่พักของแรงงานเมียนมาร์ ซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานไปประมาณ 1 กม. โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการตรวจคัดกรองแรงงานเมียนมาร์ จำนวน 150 คน เพื่อตรวจสอบว่ามีการเสี่ยงที่จะติดเชื้อหรือมีอาการป่วยหรือไม่ หลังปรากฎไทมน์ไลน์ของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชาว จ.อุบลราชธานี มาทำการค้าขายที่ตลาดหน้าโรงงาน ที่ อ.หนองเรือ และมีแรงงานชาวเมียนมาร์กลุ่มเสี่ยงในจุดดังกล่าวจึงต้องมีการตรสจคัดกรอง ตรวจสอบประวัติ การตรวจหาเชื้อในโพรงจมูกของแรงงานเมียนมาร์ และการตรวจสอบประวัติรวมทั้งเอกสารต่างๆ จากเจ้าหน้าที่ ตม.

พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไทมน์ไลน์ของผู้ป่วย ซึ่งเป็นแม่ค้าจาก จ.อุบลราชธานี มาขายสินค้าที่หน้าโรงงาน ที่ อ.หนองเรือ และแรงงานชาวเมียนมาร์ กลุ่มหนึ่งไปซื้อสินค้าที่ตลาดดังกล่าว ดังนั้นทุกคนที่เดินซื้อสินค้าจากตลาดที่ชาว จ.อุบลราชธานี ค้าขายคือคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ตำรวจจึงร่วมกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการตรวจคัดกรองแรงงานทุกคนตามขั้นตอน

“จากการรายงานของเจ้าของโรงงานทราบว่า มีการตรวจวัดอุณหภูมิให้แรงงานอยู่อย่างต่อเนื่อง มีการกำหนดมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด และห้ามเยี่ยมญาติ ญาติจากจังหวัดอื่นก็ห้ามมาเยี่ยม ส่วนการซื้อสินค้านั้น แรงงานจะมีเวลาเพียง 1ชม.ในการจับจ่ายและซื้อสินค้าจำเป็น”

ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า สถานประกอบการทุกแห่งต้องห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวในระยะนี้โดยเด็ดขาด และคุมเข้มตามมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ทั้งยังคงมีการขอความร่วมมือในการงดจัดกิจกรรมหรืองานรื่นเริงต่างๆ ในะระยะนี้เพื่อลดการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลจำนวนมาก ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยจากสถานการณ์โควิด-19 ในภาพรวมอย่างเข้มงวดที่สุด