ผบ.ตร. สั่งฟัน ตำรวจฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ผู้บังคับใช้กภหมายต้องเป็นแบบอย่าง

วันนี้ 8 เมษายน 2563  พลตำรวจโท ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึง กรณีมีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฝ่าฝืนข้อกำหนด โดยออกนอกเคหสถานในเวลาห้าม ในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด

พลตำรวจโท ปียะฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 เวลาประมาณ 23.40 น. ขณะที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรองการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 ถนนโพนทอง-กุฉินารายณ์ หมู่ที่ 3 ตำบลแวง อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด ได้พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลมี สิบตำรวจเอก พิทักษ์ พลโยราช เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรเมืองร้อยเอ็ดเป็นผู้ขับขี่ โดยมีภรรยานั่งโดยสารคู่มาด้วย เจ้าหน้าที่ได้เรียกให้หยุดและขอทำการตรวจสอบ จากการตรวจค้นภายในรถพบ หน้ากากอนามัย 3 ลัง จำนวน 3500 ชิ้น สอบถามเบื้องตัน สิบตำรวจเอก พิทักษ์ฯ ให้การว่าตนและภรรยาเดินทางมาจากจังหวัดมุกดาหารและกำลังจะกลับที่พักในตัวจังหวัดร้อยเอ็ดเจ้าหน้าที่ได้สอบถามถึงที่มาของหน้ากากอนามัยแต่ สิบตำรวจเอก พิทักษ์ฯ ให้การบ่ายเบี่ยง จึงได้ตรวจยึดหน้ากากอนามัยไว้เป็นของกลาง จับกุมตัว สิบตำรวจเอก พิทักษ์ๆ และภรรยา นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

พลตำรวจโท ปิยะฯ กล่าวว่า พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทราบเรื่องแล้วและได้สั่งการไปยังผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดให้ตรวจสอบโดยละเอียดถึงที่มาของหน้ากากอนามัยและมูลเหตุจูงใจในการกระทำความผิด รวมถึงเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาก่อนด้วยหรือไม่ หากพบความผิดให้ดำเนินคดีทุกข้อหา เช่น ความผิดเกี่ยวกับการมีสินค้าควบคุมไว้ในครอบครองเกิน กำหนด หรือการกระทำผิดที่มีลักษณะเป็นขบวนการหรือไม่ นอกเหนือจากความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินๆแล้ว รวมทั้งให้พิจาณาโทษทางการปกครองและวินัยอย่างถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปด้วย

พลตำรวจเอก  จักรทิพย์ๆ ได้สั่งการไปยังข้าราชการตำรวจทุกนาย โดยจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีกับประชาชนและหน่วยงานอื่นในการเคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย หากพบข้าราชการตำรวจกระทำผิด เสียเองจะลงโทษสถานหนัก ทั้งนี้ยังได้กำชับไปยังผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นให้กวดขัน ความประพฤติและระเบียบวินัยของผู้ใต้บังคับบัญชา ตามนัยคำสั่ง ตร.ที่ 1212/2537  อีกด้วย พล.ต.ท.ปียะฯ กล่าว