เจ้าของแพ 500 ไร่ แจ้งความปอท. ถูกสวมรอยชื่อทำธุรกิจเสียหาย

เบิ้ล อติรัตย์ ผู้บริหาร “แพ 500 ไร่” แจ้งความปอท. เอาผิดผู้ประกอบการรีสอร์ทแห่งอื่น สวมรอยทำลิ้งค์เว็ปไซต์ของรีสอร์ทแพ 500 ไร่ เพื่อหาประโยชน์ในกิจการของตนเองโดยหลอกลวงจนทำให้ธุรกิจเสียหาย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ก.พ. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) นายอติรัตน์ ด่านภัทรวรวัฒน์ หรือ เบิ้ล แพ 500 ไร่อายุ 38 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท สุราษฎร์อินเตอร์ทัวร์ และเจ้าของแพ 500 ไร่ บริเวณเขื่อนรัชชประภา ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าพบพ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผบก.ปอท. ร.ต.อ.เปตอง ด่านปรีดา รองสว.(สอบสวน) กก.3บก.ปอท. เพื่อแจ้งความให้ดำเนินคดีกับบุคคลที่นำชื่ออันเป็นสัญลักษณ์และเอกลักษณ์ในการประกอบกิจการธุรกิจการท่องเที่ยว ไปแอบอ้างเพื่อหาประโยชน์ในกิจการของตนเองโดยหลอกลวงจนทำให้ธุรกิจเสียหาย ซึ่งมีผู้ประกอบการรีสอร์ทแห่งอื่น สวมรอยทำลิ้งค์เว็ปไซต์ของรีสอร์ทแพ 500 ไร่ พอมีลูกค้าสนใจเข้าไปดูรายละเอียดในเว็ปไซต์และตัดสินใจโอนเงินจองห้องพัก กลับกลายเป็นการเข้าไปจองห้องพักรีสอร์ทอีกแห่งหนึ่ง และเมื่อถึงเวลาเข้าพักก็พบว่าไม่ใช่รีสอร์ทแพ 500 ไร่ ตามที่ตั้งใจไว


นายอติรัตน์ กล่าวว่า รีสอร์ทแพ 500 ไร่ เปิดมาตั้งแต่ปี 2555 มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.62 พบว่ามีการสวมรอยลิ้งค์เว็ปไซต์รีสอร์ทแพ 500 ไร่ จนทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดได้รับความเสียหาย 6 ราย แทนที่จะได้เข้าพักที่รีสอร์ทแพ 500 ไร่ กลับกลายเป็นรีสอร์ทแพพันวารี และพันวารีเดอะกรีเนอรี่ ซึ่งอยู่ในเขื่อนรัชประภาเช่นเดียวกัน ทั้งนี้มีผู้เสียหายบางส่วนได้แจ้งความไว้แล้ว และเมื่อตรวจสอบย้อนหลังไปอีกก็พบว่ามีการสวมรอยลิ้งค์เว็ปไซต์รีสอร์ทแพ 500 ไร่ มาตั้งแต่ปี 2562 จึงทำให้เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายมากกว่านี้ หลังจากนั้นที่ทราบเรื่องและมีการเก็บรวบรวมข้อมูล พบว่ามีการทยอยลบหลักฐาน อย่างไรก็ตามไม่มีการแสดงออกซึ่งการขอโทษ หรือมีการติดต่อพูดคุยกัน

นอกจากนี้ยังทำให้รีสอร์ทแพ 500 ไร่ ได้รับผลกระทบทางธุรกิจต้องสูญเสียรายได้ มีความเสียหาย 50 ถึง 60 ล้านบาท จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แอบอ้างสวมรอย เพราะถือว่าส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของการท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้มีการสร้างชื่อแล้วนำเข้าไปใส่ในโปรแกรมค้นหา (Search Engine) เมื่อลูกค้ากดคลิกเข้าไปกลับไปปรากฎอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ใช่แพ 500 ไร่ เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย แก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา เพราะว่าคนที่อยากจะเข้าพักที่นี่กลับกลายเป็นว่าจองแล้วต้องไปพักอีกสถานที่หนึ่ง โดยได้จ่ายเงินไปแล้วก็เกิดความเสียหาย จึงต้องมีการสอบปากคำผู้ที่หลงกดคลิกเข้าไปแล้วไปพักมา ซึ่งทราบว่ามีคนเข้ามาแจ้งความร้องที่บก.ปอท.แล้ว ได้ให้ฝ่ายสืบสวนและสอบสวนช่วยกันตรวจสอบ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า อย่างเช่นกรณีนี้ ที่มีคนต้องการจะไปพักที่แพ 500 ไร่ เมื่อค้นหาได้จ่ายเงินจองที่พักเรียบร้อย แต่เมื่อไปถึงสถานที่แล้วเป็นคนละที่กัน บางรายก็ยอมๆ กันไป เพราะได้จ่ายเงินไปแล้ว กลับกลายเป็นว่าคนที่ทำก็ได้ใจ อย่างไรก็ตามจะได้ดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง ฝากถึงประชาชนหากจะใช้บริการหาที่พักให้สังเกตให้ดี ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่างลิ้งค์ที่เข้าไปใช่สิ่งที่เราต้องการไปพักหรือไม่ ทั้งนี้หากไปแล้วพบว่าสถานที่ที่ต้องการไปพักไม่ใช่ ก็ควรจะต่อรองขอยกเลิกหรือขอเงินคืน หากพูดคุยกันไม่ให้แจ้งความดำเนินคดีเพราะเป็นสิทธิของเรา เพื่อป้องกันการสวมรอยเหมือนเช่นกรณีนี้