ตร. ลุยปราบเด็กแว้น เน้นบังคับใช้กฏหมายเฉียบขาด สถิติการแข่งรถในทาง ลดฮวบ วอนประชาชนแจ้งเบาะแส มีรางวัลนำจับให้

ตำรวจขานรับนายกฯ ลุยปราบเด็กแว้น เน้นบังคับใช้กฏหมายเฉียบขาด สถิติการแข่งรถในทาง   ลดฮวบ วอนประชาชนแจ้งเบาะแส มีรางวัลนำจับให้ เพื่อช่วยเหลือสังคมให้เด็กแว้นหมดไปจากสังคมไทยโดยสามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางสายด่วน1599 ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 และส่งคลิปวิดีโอแจ้งข้อมูลเบาะแสที่เกี่ยวข้องให้ตำรวจทราบในช่องทางเพจ เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับประชาชนผู้แจ้งเบาะแสไป

ตามที่รัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาการแข่งรถในทาง การขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้อื่น และมอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แก้ไขปัญหาการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงตั้ง ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตร. (ศปข.ตร) โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการและนโยบายการป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางฯ ให้มีประสิทธิภาพ อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

จากการขับเคลื่อนนโยบายของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง ตร.(ศปข.ตร) พบว่าการรวมกลุ่มของเด็กแว้นเพื่อแข่งรถในทางลดลงอย่างเห็นได้ชัด ผลการปฏิบัติปราบปรามการแข่งขันรถที่ผ่านมา ได้รับความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนในการแจ้งเบาะแส ผ่านช่องทางต่างๆ เป็นจำนวนมาก ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งป้องกันเชิงรุก ปราบปราม ขยายผล และเฝ้าระวัง ส่งผลให้การปฏิบัติมีสถิติลดลงอย่างเป็นรูปธรรม ผลการจับกุม ตั้งแต่ 27 มิ.ย.62 – 30 เม.ย. 63 ในภาพรวมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีดังนี้

1.แข่งรถในทางและขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยฯ และสนับสนุน 1,699 รายให้มีการแข่งรถหรือให้ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย

2.ดำเนินคดีบิดามารดาหรือผู้ปกครอง ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก 51 ราย

3.ทำทัณฑ์บนกับบิดา มารดา ผู้ปกครอง ตามคำสั่ง หน.คสช. 28,988 ราย ที่ 22/2558 และ 46/2558

4.ดำเนินคดี ร้านค้า/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์ 99,952 รายตรวจค้น/ประชาสัมพันธ์ ร้านขาย/ดัดแปลง รถหรืออุปกรณ์

5.ตรวจพบท่อไอเสียไม่ได้มาตรฐาน 20,982 ราย

6.ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก และ พ.ร.บ.รถยนต์ ที่เกี่ยวข้อง 711,329 ราย

7.ดำเนินคดีกับ Admin Page (Youtuber 10 ราย) 101 ราย

8.ตรวจยึดรถยนต์ 1,575 คันรถจักรยานยนต์ 158,251 คัน

9.จัดทำประวัติผู้กระทำความผิดและผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงที่จะแข่งรถในทาง 97,954 ราย

กรณีจับกุมผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล และศาลมีคำสั่งให้ริบรถของกลาง 144 ราย

โดยสถิติการรับแจ้งเหตุของศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191, 1599 และศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. จากเดิมมีสถิติการรับแจ้งเหตุทั่วประเทศมากกว่า 1,500 รายต่อเดือน ณ ปัจจุบันเหลือการรับแจ้งเหตุ ทั้งประเทศไม่ถึง 500 รายต่อเดือน เช่น ในเดือนมิถุนายน 2563 ล่าสุดขณะนี้ มียอดการรับแจ้งเหตุเพียง 103 ราย โดยเฉพาะในพื้นที่นครบาลซึ่งเคยมียอดการรับแจ้งเหตุในเดือนมิถุนายน 2563 ถึง 405 ราย แต่ปัจจุบันมียอดรับแจ้งประมาณไม่เกิน 30 รายต่อเดือน โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 มียอดการรับแจ้งเหตุเพียง 17 ราย ถือเป็นยอดเฉลี่ยการรับแจ้งเหตุแต่ละพื้นที่กองบัญชาการละ 1 เหตุต่อวัน และส่วนใหญ่จะเป็นการแจ้งเหตุขับรถส่งเสียงดังก่อความเดือดร้อนรำคาญ การรับแจ้งเหตุจากประชาชนในเรื่องการรวมตัวเพื่อแข่งรถในทางแทบจะไม่มีแล้ว

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพยายาม ให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปจากสังคมไทย จึงยังต้องการได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสถาบันครอบครัว คนใกล้ชิด และสถาบันการศึกษา ต้องคอยเป็นหูเป็นตา

ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในการแจ้งข้อมูลเบาะแสเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสได้ทางสายด่วน 1599 ศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 และส่งคลิปวิดีโอแจ้งข้อมูลเบาะแสที่เกี่ยวข้องให้ตำรวจทราบ ในช่องทางเพจ เฟซบุ๊ก ศูนย์โซเชียลมีเดีย ศปก.ตร. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะได้ร่วมกับ กรมการขนส่งทางบก ฝ่ายปกครอง และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำเอาเด็ก เยาวชน และผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในการแข่งรถในทางซึ่งเก็บข้อมูลประวัติไว้ในระบบ CRIMES ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวนทั้งสิ้น ๙๗,๙๕๔ ราย มาอบรมเพื่อสร้างเสริมทักษะการขับรถให้ถูกต้องตามกฎจราจรและพัฒนาเป็นอาสาสมัครรับใช้สังคมต่อไป โดยอยู่ระหว่างการขอรับการสนับสนุนงบประมาณในโครงการวิจัยจาก กองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กองทุนเลขสวย)