“กองปราบรวบหนุ่มแสบหลอกคนไปทำงานต่างประเทศ สูญเงินกว่า 1 ล้านบาท หลบหนีคดีกว่า 13 ปี”

    กองบังคับการปราบราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป., พ.ต.อ.ณัฐพล ปิตะบุตร รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.4 บก.ป., พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศร ผกก.สืบสวน บก.น.1, พ.ต.อ.วิสา โชติมูล ผกก.สภ.บ้านเป้า จว.ชัยภูมิ, พ.ต.ท.ณัฐพงษ์ เกิดเอี่ยม, พ.ต.ท.มนูญ แก้วก่ำ, พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา, พ.ต.ท.ธีรภาส ยั่งยืน รอง ผกก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ พูลทวี สว.กก.4 บก.ป., ร.ต.อ.วิสิทธิ์ แดงรัตน์ รอง สว.ฯ, ร.ต.อ.สุเทพ สมใจเตียบ รอง สว.ฯ, ร.ต.อ.พัฒน์ คล้ายวัฒนะ รอง สว.(สอบสวน) กับพวก ร่วมกันจับกุม นายชยธรหรือหนุ่ย (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี ตามหมายจับจำนวน 4  หมาย คือ

1.ศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 292/2550 ลงวันที่ 23 พ.ย. 2550 ในความผิดฐาน “ร่วมกันหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้และการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ,และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”2.หมายจับศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 298/2550 ลงวันที่ 23 พ.ย.2550 ผิดฐาน “ร่วมกันหลอกลวงอื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้และการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ,และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์” 3.หมายจับศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 6/2551 ลงวันที่ 8 ม.ค. 2551 ผิดฐาน “ร่วมกันหลอกลวงอื่นว่าสามารถหางานหรือส่งไปฝึกงานต่างประเทศได้และการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง ,และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์”  4.หมายจับศาลจังหวัดกระบี่ ที่ 189/2560 ลงวันที่ 28 มี.ค. 2560 ผิดฐาน “ร่วมกันก่อสร้างแผ้วถาง หรือ เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือ เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเอง หรือ ผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งมีเนื้อที่เกิน 25 ไร่ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติห้ามมิให้บุคคลใดเก็บของป่า หรือ กระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสียหายแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งมีเนื้อที่เกิน 25 ไร่”

จับกุมได้ บริเวณหน้าห้องพัก ซ.วัชรพล ถ.รามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ

พฤติการณ์กล่าวคือ เมื่อประมาณต้นปี 2549 นายชยธรหรือหนุ่ยฯได้หลอกลวง กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ กว่า 30 ราย ว่าสามารถช่วยดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบิน วีซ่า ตั๋วที่พัก เพื่อไปทำงานในไร่และสวนผลไม้ที่ต่างประเทศได้  โดยแต่ละรายต้องเสียค่าใช้จ่าย จำนวน 70,000 บาท และจัดเก็บเงินมัดจำก่อนคนละ 30,000 บาท เมื่อถึงกำหนดเวลาเดินทาง นายชยธรหรือหนุ่ยฯ ไม่สามารถดำเนินการตามที่แจ้งได้จริง  โดยอ้างว่าวีซ่าสำหรับเดินทางเข้าประเทศไม่ผ่าน แล้วไม่ชดใช้เงินคืนให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้เสียหาย ซึ่งรวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,000,000 บาท  กลุ่มผู้เสียหายจึงได้รวมตัวกันมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป้า

 ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ทำการสืบสวน จนทราบว่า นายชยธรหรือหนุ่ยฯ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ ซ.วัชรพล ถ.รามอินทรา แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ จนกระทั่งวันที่ 25 มิ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ร่วมกันเดินทางลงพื้นที่ เมื่อพบผู้ต้องหาจึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและแสดงหมายจับให้นายชยพรหรือหนุ่ยฯดูพร้อมอ่านให้ฟัง หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

          จากการสอบถามนายชยธรหรือหนุ่ยฯ ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด