ตม.บุกค้น 5 จังหวัด ทลายเครือข่ายขนแรงงานข้ามชาติเข้าไทย

ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 5 จังหวัด ขยายผลจับเครือข่ายขนแรงงานชาวโรฮิงญาลักลอบเข้าไทย พบมีทั้งคนไทยและเมียนมาเกี่ยวข้อง

วันนี้ (27 มค. 64) เวลา 13.45 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผบช.สตม. ร่วมกันแถลงผลปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่ายขนแรงงานข้ามชาติทลายเครือข่ายขนโรฮีนจา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของของไวรัส โควิด 19 ระลอกใหม่ ซึ่งมีกระบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาทางช่องทางธรรมชาติ ส่วนใหญ่มาทาง จ.กาญจนบุรี ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของการแพร่ระบาดในครั้งนี้ คณะทํางานสํานักงานตํารวจแห่งชาติได้ลงพื้นที่ตรวจค้นและตรวจสอบร่วมกับ ตํารวจภูธรภาค 7

พบว่ามีขบวนการขนแรงงานต่างด้าว โดยมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง จํานวน 37 นาย มีทั้งเข้าข่ายถูกดําเนินการทางอาญา ทางวินัยและทางปกครอง การปราบปรามการนำเข้าแรงงานที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะนายทุนที่อยู่เบื้องหลัง ขอให้มั่นใจว่าจะเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลังทุกคนโดยจะดำเนินการให้ถึงที่สุด

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 มค. ที่ผ่านมา บก.ตม.1 ได้สืบสวนทราบว่า มีคนต่างด้าวคล้ายโรฮีนจาเข้ามาพักอาศัยอยู่ใน บ้านในซอยเชิดวุฒากาศ 9/1 ย่านดอนเมือง กทม. จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กรมควบคุมโรคเข้าตรวจสอบพบภายในบ้านหลังดังกล่าว มีกลุ่มคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา (โรฮีนจา) จํานวน 19 ราย หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยพบว่าในกลุ่มดังกล่าวมีแรงงานที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวกกว่า 7 ราย ทําให้ต้องกักตัวทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานจํานวนหนึ่ง ต่อมาสอบสวนทราบว่า เป็นกลุ่มที่เดินทางจากรัฐยะไข่ ประเทศเมียนมา เข้ามาประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วลักลอบเดินทางจาก อ.แม่สอด จ.ตาก เข้าสู่ที่เกิดเหตุ โดยมีคนไทยและคนต่างชาติให้การช่วยเหลือ และ รับผลประโยชน์ในกรณีดังกล่าว ชุดสืบสวน สตม.จึงได้ดําเนินการสืบสวนขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานในกรณีดังกล่าวจนพบว่า กลุ่มขบวนดังกล่าวเป็นแก๊งค์ขนแรงงาน นําโดย เจ๊ดา บุคคลสัญชาติเมียนมา ซึ่งถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ และนายอุสเซ็น หรือบาบู ซามิ สัญชาติเมียนมา เป็นตัวการร่วมกับพวกซึ่งเป็นคนไทยและอดีตข้าราชการกระทำความผิด จึงได้รวบรวม พยานหลักฐานจนกระทั่งศาลอนุมัติหมายค้นและหมายจับกลุ่มเครือข่ายดังกล่าว

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวต่อว่า จากนั้นวันที่ 25 มกราคม เวลา 06.30 น. เจ้าหน้าตำรวจที่ได้นํากําลัง พร้อมหน่วยงานร่วมและหน่วยความมั่นคงในพื้นที่ ตรวจค้นพร้อมกันในพื้นที่ 5 จังหวัด (7จุด) ดังนี้

 1. พื้นที่ จ.ตาก มีเป้าหมายตรวจค้น 2 จุด อยู่ใน อ.แม่สอด สามารถจับกุม ผู้ต้องหา 3 ราย ได้แก่ 1.นายณัฐกร อิสแมน พร้อมของกลาง(รถยนต์ที่ใช้ในการขนแรงงาน) 2. พลตำรวจสำรองนภวัต หรือศราวุธ จินดา อดีตข้าราชการตํารวจถูกจับและไล่ออกเมื่อปี 2555 และเพิ่งพ้นโทษเมื่อปี 2562 พร้อมของกลาง(รถยนต์นําทาง) 3. นายวิเชษฐ์ สุขศรี พร้อมของกลาง(รถยนต์ที่ใช้ในการขนแรงงาน)

 2.พื้นที่ กทม. ตรวจค้นบ้านในซอยช่างอากาศอุทิศ 12 ย่านดอนเมือง กทม. ผลการตรวจค้นจับกุม น.ส.ศิริพร บัวพิมพ์ ภรรยาของนายบาบู และตรวจยึดสมุดบัญชีและโทรศัพท์ไว้เพื่อ ตรวจสอบ

 3.ในพื้นที่จ.ปทุมธานี ตรวจค้นบ้าน 2 หลัง ในบ้านเอื้ออาทร อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผลการตรวจค้น เก็บหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชี ธนาคารเพื่อสืบสวนขยายผล

 4.พื้นที่ จ.นราธิวาส ตรวจค้นบ้านในหมู่บ้านเนเจอร์โฮม หมู่ 5 อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย โดยได้ตรวจสอบเก็บหลักฐานข้อมูลโทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคารเพื่อทําการสืบสวนทางเทคนิคและการสื่อสาร เส้นทางการเงิน

 5.พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ตรวจค้นเป้าหมายห้องเช่าซึ่งเช่าไว้เพื่อให้คนต่างด้าวพักอาศัย 3 แห่ง ได้แก่ จับกุมผู้ต้องหาจํานวน 2 ราย ได้แก่ นายละมอ สัญชาติเมียนมา และนายมอ มอ ทุย สัญชาติเมียนมา พร้อมกับได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ 2 คัน และอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยเหลือคนต่างด้าวให้หลบหนีจากที่กักตัว ได้แก่ ประแจเบอร์ 19 แม่กุญแจยี่ห้อ ASCC มีร่องรอยถูกงัดจนหัก และสมุดบัญชีธนาคาร

พล.ต.ต.อาชยน กล่าวอีกว่า สรุปผลการปฏิบัติ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 7 ราย และยึดของกลางเป็นรถยนต์จํานวน 5 คัน พร้อมด้วยโทรศัพท์มือถือและบัญชีธนาคารจํานวนหนึ่ง และจะได้ดําเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อดําเนินการกับผู้กระทําความผิดและเครือข่ายที่ยังหลบหนีต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าเจ๊ดา เป็นผู้เชื่อมโยงเครือข่ายขนแรงงานเข้ามาจากแม่สอดมาในพื้นที่ชั้นใน พบมีเส้นทางการเงินหมุนเวียนอยู่ในบัญชี 10-20 ล้านบาท และอยู่ระหว่างตรวจสอบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเพิ่มเติม ว่ามีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอื่นอีกหรือไม่

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ผลการปฏิบัติในภาพรวมของสํานักงานตํารวจแห่งชาติ คณะทํางานสืบสวนปราบปรามเครือข่าย การกระทําความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ตั้งแต่ 1 – 25 มกราคม 2564 ดังนี้ การดําเนินการ มีผลการจับกุมต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 266 ราย ผลการจับกุมผู้นําหรือพาคนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย 16 ราย ผลการจับกุมผู้ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น คนต่างด้าวโดยผิดกฎหมาย 62 ราย ระดมกวาดล้างขบวนการนําพาแรงงานต่างด้าว ตามหมายจับ(CCOC) 19 หมาย สืบสวนขยายผลขบวนการ/เครือข่าย นําพาแรงงานต่างด้าว มากกว่า 5 ขบวนการ/เครือข่าย