ทลายแก๊ง App เงินกู้ดอกเบี้ยโหด พบนายทุนจีน เบื้องหลัง ตะลึงยอดลูกหนี้กว่า 15,000 ราย

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 17 มี.ค. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว ผกก.3 บก.สส.สตม. พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน)กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. พ.ต.อ.รัฐพงศ์ แก้วยอด ผกก.คธม.บช.ทท. และพ.ต.อ.ธนากร วงศ์สิริลักษณ์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร แถลงจับกุม ผู้ต้องหาชาวไทย จำนวน 8 ราย ข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้บุคคลอื่น กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมของกลางคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก จำนวน 35 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 30 เครื่อง ซิมการ์ดโทรศัพท์ สมุดบัญชีรายชื่อลูกหนี้ และเอกสารอื่นๆจำนวนหนึ่ง จับกุมได้ที่อาคารพาณิชย์ เลขที่ 923/74 ถ.เอกชัย ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากประชาชนว่ามีแอปพลิเคชั่น Yoo Card สามารถให้กู้เงินโดยการโอนเข้าบัญชีแล้วมีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฏหมายกำหนด จึงทำการสืบสวนตลอดจนทราบว่ามีการจัดตั้งที่ทำการใน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร จึงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อตรวจค้นพบว่าเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้นล่างกำลังปรับพื้นที่ทำเป็นร้านกาแฟ เชื่อว่าเพื่อใช้อำพรางและตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนชั้น 2 และชั้น 3 ดัดแปลงเป็นห้องเล็กๆ หลายห้อง พบผู้ต้องหาทั้งหมด 8 ราย เป็นพนักงานกำลังนั่งทำงานติดตามทวงหนี้ ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ จึงควบคุมตัวไว้ไปสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร

จากการสอบถาม น.ส.บี อายุ 23 ปี รับว่าตนมีหน้าที่ในการติดตามทวงหนี้ผ่านแอปพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ 5 แอปพลิเคชั่น Uwallet , Ant Loan , Yoo Card , Majic Card และ Bee Bath โดยแต่ละแอปพลิเคชั่น จะให้กู้เงินเหมือนกันตั้งแต่ 2,000-5,000 บาท ซึ่งจะคิดค่าธรรมเนียม 39% และคิดค่าอัตราดอกเบี้ย 0.05% ต่อวัน และให้ชำระเงินคืนภายใน 7 วัน เช่น กู้เงิน 2,000 บาท จะได้เงินกู้เพียง 1,220 บาท และเมื่อครบชำระเงิน ต้องชำระเงินคืน 2,007 บาท โดยบัญชีใช้สำหรับการ โอน-รับ เงินนั้นจะใช้เป็นบัญชีชื่อพนักงาน ก่อนจะรวบรวมเงินโอนเข้าบัญชีนายยาง ชิง ชาวจีน ซึ่งเป็นนายทุนใหญ่อีกทอดหนึ่ง ซึ่งพวกตนได้ค่าจ้างเดือนละ 15,000 บาท

จากการตรวจสอบรายชื่อที่ใช้บริการมีลูกหนี้ตกเป็นเหยื่อ ในการกู้เงินดอกเบี้ยโหดในครั้งนี้มากกว่า 15,000 ราย มีเงินหมุนเวียนในบัญชีที่เกี่ยวข้องมสกกว่า 10 ล้านบาท โดยมีนายทุนชาวจีนเป็นผู้ก่อตั้ง จำนวน 3 คน เชื่อว่ายังหลบหนีอยู่ในประเทศไทยและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดในครั้งนี้โดย ศปชก.สตม. จะดำเนินการสืบสวนขยายผลและติดตามจับกุมหัวหน้าขบวนการมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป