ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญกรรม เน้นย้ำขอความร่วมมือประชาชนปฎิบัติตามประกาศ ศบค.หากฝ่าฝืนมีโทษตามกฎหมาย

วันนี้ (12 ก.ค. 64) เวลา 21.00 น. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และคณะ ได้ออกตรวจเยี่ยมจุดตรวจป้องกันอาชญากรรม กำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในห้วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จำนวน 3 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 2 จุด คือจุดตรวจ สน.พหลโยธิน และ จุดตรวจ สน.เตาปูน โดยมี พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. ,พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 ร่วมคณะตรวจเยี่ยม ส่วนพื้นที่จังหวัดนนทบุรี 1 จุด คือจุดตรวจ สภ.ปากเกร็ด โดยมี พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 และนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมคณะตรวจเยี่ยม


พล.ต.อ.สุวัฒน์ ฯ กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาล ให้มีการสกัดกั้นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 อันเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้ทวีความรุนแรงจนเสี่ยงที่จะเกิดภาวะวิกฤตด้านสาธารณสุข โดยเฉพาะในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนใต้ของประเทศ ซึ่งได้กำชับไปยังทุกหน่วยงานในสังกัด ให้ปฏิบัติตามประกาศข้อกำหนดตามความมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 10 ก.ค. 2564 ในการควบคุม ระงับ ยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยให้ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด ฝ่ายปกครอง เพื่อตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ตรวจตราห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหสถานในห้วงระหว่างเวลา 21.00-04.00 น. นั้น


สำหรับการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในพื้นที่จังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
จำนวน 10 จังหวัด ข้อมูล ณ วันที่ 12 ก.ค. 2564 เวลา 10.00 น. ดังนี้
1.กรุงเทพมหานคร ตั้งจุดตรวจ จำนวน 88 จุด
2.นนทบุรี ตั้งจุดตรวจ จำนวน 2 จุด
3.ปทุมธานี ตั้งจุดตรวจ จำนวน 4 จุด
4.สมุทรปราการ ตั้งจุดตรวจ จำนวน 5 จุด
5.นครปฐม ตั้งจุดตรวจ จำนวน 5 จุด
6.สมุทรสาคร ตั้งจุดตรวจ จำนวน 5 จุด
7.นราธิวาส ตั้งจุดตรวจ จำนวน 7 จุด
8.ปัตตานี ตั้งจุดตรวจ จำนวน 11 จุด
9.ยะลา ตั้งจุดตรวจ จำนวน 12 จุด
10.สงขลา ตั้งจุดตรวจ จำนวน 9 จุด
รวม ตั้งจุดตรวจทั้งสิ้น 148 จุด
ใช้กำลังตำรวจ 1,553 นาย ทหาร 846 นาย และปกครอง 394 นาย และมีจุดตรวจอื่นๆ ทั่วประเทศ ได้แก่ จุดตรวจคัดกรองโรค จุดตรวจปมคมนาคม จุดตรวจพื้นที่ตอนในและพื้นที่ตามแนวชายแดน รวมจำนวน 1,267 จุด ใช้กำลังพลตำรวจ รวมทั้งหมด 7,559 นาย จัดชุดสายตรวจร่วม จำนวน 613 ชุด กำลังพลตำรวจ 2,560 นาย ชุดเคลื่อนที่เร็วออกตรวจตราผู้ฝ่าฝืนนอกด่านอีก จำนวน 816 ชุด กำลังพลตำรวจ 2,949 นาย รวมใช้กำลังพล ตร. ทั้งสิ้น 14,621 นาย


ทั้งนี้ ผบ.ตร. ได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญอาทิ หน้ากากอนามัย เฟสชิลด์ ถุงมือ เจลแอลกอฮอล์ ให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ พร้อมแสดงข้อห่วงใยกำลังพลที่ต้องปฏิบัติงานในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส และเน้นย้ำให้นำเทคโนโลยี หรือแอปพลิเคชัน TPCC มาใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ โปร่งใส ผู้บังคับบัญชาสามารถตรวจสอบการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตลอดเวลาการทำงาน รวมไปถึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค. กำหนด พร้อมย้ำว่าเจ้าหน้าที่จะปฏิบัติตามหลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ควบคู่กันไป โดยเน้นประชาสัมพันธ์การรับรู้เรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ให้ทราบ และดูเหตุผลความจำเป็น แต่หากประชาชนคนใดจงใจฝ่าฝืนก็ต้องจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดไม่มีข้อยกเว้น