ตร.สืบนครบาล 3 ขยายผลเครือข่ายาดเสพติดพบ ของกลางเพิ่มจาก 2.4 ล้าน เป็น 4.4 ล้านเม็ด

จากกรณีที่ ตำรวจจาก กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ย่านฉลองกรุง ที่สืบสวนพบว่ามีผู้ค้ายาเสพติดนำยาบ้ามาซุกซ่อนไว้ เพื่อรอเตรียมกระจายให้กับเครือข่าย จนมีการเข้าจับกุมนายณัฐดนัย หรือแบร์ พัชรี อายุ 32 ปี ที่ทำหน้าที่ดูแลยาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 2,430,000 เม็ด รถยนต์ฮอนด้า รุ่น CRV หมายเลขทะเบียน ฆจ 503 กรุงเทพมหานคร

ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน ได้เฝ้าติดตามเครือ่ข่ายนี้มากว่า 2 เดือน จนพบว่ามีผู้ต้องหาขับรถยนต์ท่าทางมีพิรุธเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งมีลักษณะเปลี่ยวและเป็นซอยซับซ้อน จึงแสดงตัวเข้าจับกุมจนพบของกลางดังกล่าว ซึ่งสามารถเข้าจับกุมได้เมื่อช่วง 21.00 น. ของคืนวันที่ 13 กรกฏาคม ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ พลตำรวจโทจิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจ (สบ.8) ปฏิบัติหน้าที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมา ยังกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 หลังได้รับรายงานว่าชุดจับกุมมีการขยายผลจนพบว่าของกลางที่มีการยึดไว้เมื่อตอนจับกุมที่ตอนแรก ที่ผู้ต้องหาอ้างว่ามีเพียง 2.4 ล้านเม็ดนั้น เมื่อมีการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่าของกลางทั้งหมด มีจำนวนกว่า 4 ล้าน 4 แสน 3 หมื่นเม็ด และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังมีการขยายผลเพิ่มเติม ได้ของกลางเป็นรถที่คนร้ายใช้ในการจำหน่ายและขนย้ายยาเสพติดเพิ่มเติมทั้งรถยนต์ ละรถจักรยานยนต์ รวมอีก 3 คัน จึงเดินทางมาเพื่อตรวจสอบรายละเอียดทางคดีเพิ่มเติม

โดยพลตำรวจโทจิรพัฒน์ ระบุว่า ในเบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่า ได้เช่าบ้านหลังดังกล่าวมา 2 เดือน และจะรับยาบ้ามาทั้งหมด 10 ล้านเม็ด ในช่วงวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่าน มาจากในพื้นที่วังน้อย เพื่อเตรียมนำไปส่งให้กับพ่อค้ารายย่อยตามแต่ละพื้นที่ ที่จะมีจำนวนตั้งแต่ จุดละ 1 แสน ถึง 4 แสนเม็ด แต่ยาที่เหลือเนื่องจากช่วงนี้ตำรวจมีการตั้งด่านเคอร์ฟิว ทำให้ยังไม่สามารถนำยาไปส่งได้

ซึ่งผู้ต้องหาทำการเพียงคนเดียว โดยจะรับคำสั่งจากนายบอส ทางโทรศัพท์ เพื่อแลกค่าจ้างล็อตละ 2 แสนบาท โดยการจ่ายเงินจะจ่ายเมื่อเครียร์ของล็อตนี้ครบ เพื่อรับล็อตใหม่ก็จะได้เงินสดที่แนบมาพร้อมของล็อตใหม่ เบื้องต้นผู้ต้องไม่มีบัญชีธนาคาร และจากการตรวจสอบประวัติพบมีหมายจับหลายคดี เคยถูกจับกุมและหนีการประกันตัวในชั้นศาล จากคดีในพื้นที่ สน.ลาดกระบัง

ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงว่ามีการเชื่อมโยงกับเครื่อข่าวในเรือนจำ เบื้องต้นยืนยันว่าผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็นเพียงคนจัดส่งยาเสพติดเท่านั้น ไม่ได้มีการติดต่อจากในเรือนจำ ซึ่งตัวนายบอสก็ไม่ได้อยู่ในเรือนจำ ส่วนข้อมูลที่ว่ามาจากเรือนจำเป็นข้อมูลที่ตำรวจได้จากการจับกุมผู้ต้องหารายย่อยรายหนึ่งและมีการซัดทอดว่ารับยามาจากผู้ต้องหารายนี้ จนนำมาสู่การติดตาทและเข้าจับกุมในครั้งนี้