ข่าวปลอม ผลิตภัณฑ์เบญจามินทร์ (Benjamin) ฟ้าทะลายโจร ชนิดแคปซูล เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.

วันที่ 16 ส.ค. 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณีคือ

กรณีผลิตภัณฑ์เบญจามินทร์ (Benjamin) ฟ้าทะลายโจร ชนิดแคปซูล เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. นั้น ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กระทรวงสาธารณสุข แล้ว ยืนยันว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

กรณีดังกล่าว ซึ่งระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. และมีการแสดงข้อมูล ควบคุมการผลิตโดย ผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย พท.ว. 22272 พท.ก. 28790 พท.น. 4744 พท.ผ. 10585 ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ หรือได้รับการรับรองใด ๆ จาก อย.

โดย พท.ว. 22272 พท.ก. 28790 พท.น. 4744 และ พท.ผ. 10585 เป็นเลขที่ใบอนุญาตผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ซึ่งตามกฎหมายแล้วผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หรือหมอพื้นบ้านสามารถปรุงยาเพื่อขายให้ผู้ป่วยเฉพาะรายของตนเองได้ แต่การผลิตผลิตภัณฑ์ฟ้าทะลายโจรเพื่อขายในร้านค้าหรือบนช่องทางร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ จะต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ก่อน เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ก่อนถึงมือผู้บริโภค จึงขอเตือนประชาชนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมารับประทาน

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สามารถติดตามได้ที่ www.fda.moph.go.th หรือโทรสายด่วน อย. 1556

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ผลิตภัณฑ์เบญจามินทร์ (Benjamin) ฟ้าทะลายโจร ชนิดแคปซูล ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ หรือได้รับการรับรองใด ๆ จาก อย.

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า การผลิตข่าวปลอม สร้างข่าวบิดเบือน ทำให้ประเทศชาติเสียหาย ประชาชนสับสน เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2),(5) มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน รวมทั้งกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ผลิตข่าวปลอมและผู้ที่เผยแพร่ทุกรายอย่างเด็ดขาดจริงจังและต่อเนื่องต่อไป
ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนพบข้อมูลการกระทำผิด สามารถแจ้งเบาะแสข่าวผ่าน
5 ช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ https://www.antifakenewscenter.com, เฟซบุ๊ก ANTI-FAKE NEWS CENTER, ทวิตเตอร์ @AFNCThailand, ไลน์ @antifakenewscenter, ช่องทางโทรศัพท์โทรสายด่วน GCC 1111 ต่อ 87 และสายด่วน 1599 ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”