กองปราบรวบสาวแสบติดพนัน ฉกทองบ้านแฟน รวมมูลค่ากว่าครึ่งล้าน

กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป., พ.ต.ท.วิญญู แจ่มใส, พ.ต.ท.กรกช ยงยืน รอง ผกก.2 บก.ป., พ.ต.ท.นพรัตน์ คำมาก รอง ผกก.2 บก.ปทส. ปฏิบัติราชการ กก.2 บก.ป. และ พ.ต.ท.เนติวิทย์ ธนาสิทธิ์นิติกุล รอง ผกก.2 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.2 บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นางสาวกวีณา (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 170/2564 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหะสถานหรือรับของโจร”

พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจาก น.ส.กวีณาฯ (ผู้ต้องหา) ได้คบหากับลูกชายของผู้เสียหาย โดยได้มาอาศัยอยู่ภายในบ้านของผู้เสียหาย ต่อมาภายหลังทางผู้เสียหายเกิดสงสัยว่าทรัพย์สินมีค่าภายในบ้านได้สูญหายไปหลายรายการ จึงได้ไปตรวจสอบตามโรงรับจำนำต่างๆ ซึ่งพบว่า น.ส.กวีณาฯ ได้นำทองคำของผู้เสียหายไปจำนำไว้ที่โรงรับจำนำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพฯ มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 600,000 บาท ผู้เสียหายจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสืบสวนของ กก.2 บก.ป. ทำให้ทราบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ภายในซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ ต่อมาวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 15.00 น. เจ้าหน้าที่จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ภายในซอยหทัยราษฎร์ 39 แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุลักของมีค่าภายในบ้านมาจริง โดยหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ตนตกงานจึงได้ไปอาศัยอยู่บ้านของลูกชายผู้เสียหายเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน – ตุลาคม 256๓ โดยได้ช่วยงานในบ้าน ดูแลผู้สูงอายุ จึงทำให้เกิดความไว้ใจของคนในบ้าน และในระหว่างนั้นตนติดการพนัน ตนจึงได้แอบทยอยลักเอาทองรูปพรรณที่อยู่ภายในห้องต่างๆ จำนวนหลายเส้นไปจำนำ เมื่อได้เงินมาก็นำไปเล่นการพนันต่อ โดยหวังว่าหากได้เงินมาจะนำไปไถ่ถอนทองคืนมา ก่อนที่ผู้เสียหายจะทราบเรื่อง แต่ภายหลังที่ทางผู้เสียหายทราบว่ามีทรัพย์สินหายไป ผู้เสียหายได้ติดต่อให้ตนไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้นัดให้ตนไปพบพนักงานอัยการ แต่ตนไม่ได้เดินทางไปพบพนักงานอัยการ ซึ่งตนไม่ได้มีเจตนาหลบหนี เพียงแค่อยู่ระหว่างหาเงินชดใช้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ สว.กก.2 บก.ป.