191 รวบหนุ่มแสบอ้างตัวเป็นสารวัตรใหญ่ หลอกลวงสาวเพื่อสำเร็จความใคร่

กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล  โดย พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี, พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ บัณฑิตย์,พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา, พ.ต.อ.ศุภวัช ปานแดงรอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ปิยรัช สุภารัตน์ ผกก.สายตรวจ บก.สปพ., พ.ต.ท.อัครพล โทยะ, พ.ต.ท.วสันต์     ธวัชชัยวิรุตษ์, พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.สุทธิเดช โอฬาริ  รอง ผกก.สายตรวจ บก.สปพ. และ พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส  สว.งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ. ทำการสืบสวนติดตามจับกุม ผู้กระทำผิดเกี่ยวกับปัญหาอาชญากรรม ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติดังนี้

จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย นายกิตติภพ  มณีรัตนกุลชัย อายุ 34ปี  ตามหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1341/2564 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “กระทำความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น , ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น , หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและ ลักทรัพย์ โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน” จับกุมได้ที่ บริเวณปากซอยโชคชัย 4 ซอย 70 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพหานคร

พฤติการณ์กล่าวคือ  กองบังการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษได้รับแจ้งเหตุว่ามีบุคคลแอบอ้างตนเองเป็นตำรวจและหลอกลวงเหยื่อไปร่วมประเวณีและจะทำการจับกุมตัว และอาศัยจังหวะในการลักทรัพย์ ตรวจสอบประวัติ พบเคยก่อเหตุมาแล้วกว่าสิบครั้ง และพ้นโทษมาเมื่อประมาณต้นปี 2564 โดยเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนหาข่าว งานสายตรวจ 1 ได้ทำการจับกุมตัว นายกิตติภพ  มณีรัตนกุลชัย อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.1341/2564 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 2564 โดยกล่าวหาว่า “กระทำความผิดฐาน ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือโดยทำให้ผู้อื่นนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น ,ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ,หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและ ลักทรัพย์ โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน”

โดยผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ให้ดำเนินคดีกับนายกิตติภพ     มณีรัตนกุลชัย ผู้ต้องหา ซึ่งได้ได้หลอกลวงแสดงตนเองว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมผู้เสียหาย ในความผิดฐาน

ค้าประเวณีฯ และยังได้บังคับข่มขืนใจ พร้อมหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหายให้อยู่ภายในที่เกิดเหตุ จากนั้น จึงได้ทำการล่อลวงให้ผู้เสียหายบังคับให้ทำการสำเร็จความใคร่ให้กับผู้ต้องหา เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้ปล่อยตัว ผู้สียหายหลงเชื่อยอมทำตาม       จนสำเร็จความใคร่ และต่อมาผู้ต้องหาอาศัยจังหวะได้ลักโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย จำนวน 2 เครื่อง มูลค่า 55,000 บาทแล้วหลบหนีไป ซึ่งการกระทำทั้งหมดทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย จึงได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหา จนกระทั่งพนักงานสอบสวนได้ขอศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าวแล้ว

ต่อมาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564  เวลาประมาณ 16.00น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีการจับกุมไปเปิดห้องพักรายวันอยู่ที่ย่านโชคชัย 4 กรุงเทพฯ จึงได้เดินทางไปตรวจสอบจนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและแสดงหมายจับต่อผู้ต้องหาและเข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นนำส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิด เกี่ยวกับการจำหน่ายยาเสพติด หรือสิ่งของผิดกฎหมาย โซเชียลมีเดีย สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ สายด่วน 191,เพจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ