ตำรวจไซเบอร์จับแก๊งเงินกู้ ลวงเด็กสาววีดีโอคอลเปลือย รีดเอาทรัพย์

เมื่อวันที่ 30 ส.ค.64 เวลา 09.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผบก.สอท.4/หัวหน้าคณะทำงานสืบสวนคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กและสตรี, พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน ผบก.ตอท. และ พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว รอง ผบก.ตอท.

ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. นำโดย พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก., พ.ต.ท.ยงยุทธ รักสัตย์ รอง ผกก., พ.ต.ท.วัชรินทร์ อ่วมฟุ้ง สว., พ.ต.ท.กิจชัยยะ สุรารักษ์ สว., พ.ต.ต.วิเชียร คำชุมภู สว., พ.ต.ต.ประเสริฐ แดงกระจ่าง สว., พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ เผือกเนียม สว., ร.ต.อ.ยศพล พันธุ รอง สว. และเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.พัทยา จว.ชลบุรี ร่วมกันจับกุม

นายถิรวุฒิ หรือเนม (ปกปิดนามสกุล) อายุ 20 ปี ภูมิลำเนา ม.3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ดำเนินคดีข้อหา ร่วมกันรีดเอาทรัพย์ และบังคับ ขู่เข็ญ ใช้ ชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอม ให้เด็กแสดงหรือกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจาร ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ตามหมายจับศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 506/64 ลง 18 ส.ค.64

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผกก.กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ต เปิดเผยว่า เมื่อเดือน มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้าน ได้รับแจ้งจากพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จว.ปทุมธานี ว่ามีหญิงวัยรุ่นคนหนึ่งชื่อ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 17 ปีได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนว่า ถูกคนร้ายไม่ทราบว่าเป็นใคร ใช้เฟซบุ๊คแชตข่มขู่ให้เกรงกลัว อับอาย เพื่อเรียกเงิน แลกเปลี่ยนกับการไม่เปิดเผยคลิปวีดีโอที่ตนเองถูกคนร้ายล่อลวงให้วีดีโอแชตเปลือยสำเร็จความใคร่ให้คนร้ายดู และถูกคนร้ายแอบบันทึกไว้ จนทำให้ น.ส.บี ยอมโอนเงินเข้าบัญชีการเงินของคนร้าย ตามที่ถูกข่มขู่เรื่อยมา โดยจะโอนเงินให้คนร้าย ครั้งละ 1,000 -3,000 บาท และส่งรหัส OTP ให้คนร้ายไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม รวมเวลาที่ถูกข่มขู่เกือบทุกวัน รวมกว่า 1 เดือน น.ส.บี ได้โอนเงินให้คนร้ายไปจำนวน 47 ครั้ง เป็นเงิน 97,000 บาท เมื่อ น.ส.บี ทนไม่ไหว จึงตัดสินใจมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า คนร้ายคือ นายถิรวุฒิ หรือเนม ผู้ต้องหารายนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินการออกหมายจับต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ในข้อหา รีดเอาทรัพย์ และล่อลวงเด็กดังกล่าว
ต่อมาเมื่อวันที่ 30 ส.ค.64 เวลา09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดพัทยา เข้าตรวจค้นจับกุมนายถิรวุฒิฯ ขณะหลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในคอนโดมิเนียม ย่านพัทยากลาง ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี และนำตัวไปตรวจค้นเพิ่มเติมที่ห้องเช่าไม่มีเลขที่ ภายในพื้นที่ ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นบ้านที่นายถิรวุฒิฯ พักอาศัยอยู่กับมารดา เพื่อตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด โดยตรวจยึดรถจักรยานยนต์ โทรศัพท์มือถือ และสมุดบัญชีธนาคาร เป็นของกลางในคดี จับกุมตัว ส่งพนักงานสอบสวน สภ.คูคต จว.ปทุมธานี ดำเนินคดี

จากการสอบสวน นายถิรวุฒิ ให้การยอมรับว่า ตนเองไม่มีงานทำ ก่อเหตุโดยใช้วิธีปลอมโปรไฟล์เฟซบุ๊คเป็นหญิงสาว เข้าไปโพสต์ชักชวนปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำในกลุ่มเฟซบุ๊คปล่อยเงินกู้ต่าง ๆ เพื่อล่อลวงเหยื่อเป็นหญิงสาววัยรุ่นที่สนใจกู้เงิน แต่จะอ้างว่าไม่อนุมัติการกู้เงิน เนื่องจากผู้กู้อายุไม่ถึง 18 ปี แล้วจึงแนะนำให้ไปติดต่อแชตกับเฟซบุ๊คอีกบัญชีหนึ่ง เพื่อล่อลวงชักจูงให้หญิงสาวแชตวีดีโอคอลเปลือยสำเร็จความใคร่ให้ตนเองดู โดยแอบบันทึกคลิปไว้ ใช้คลิปมาข่มขู่เรียกเงินกับหญิงสาว โดยบัญชีที่ใช้รับเงิน ตนเองซื้อมาจากกลุ่มเฟซบุ๊คซื้อขายบัญชีการเงินต่าง ๆ ในราคา 500 บาท เพื่อปกปิดตัวตน ยากแก่การติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่นายถิรวุฒิฯ อ้างว่าข่มขู่รีดเอาทรัพย์จาก น.ส.บี เพียงคนเดียว ยังไม่เคยทำกับคนอื่น ส่วนเงินจำนวน 97,000 บาท ที่ได้จาก น.ส.บี นำไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว และคลิปวีดีโอของ น.ส.บี ยังไม่ถูกเผยแพร่ออกสู่อินเตอร์เน็ตแต่อย่างใด

พ.ต.อ.รุ่งเลิศ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนขยายผลหาตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดี และหากใครที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะนี้สามารถแจ้งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบได้ผ่านทางสายด่วน บช.ไซเบอร์ 1441 หรือ facebook Mysis Chatbot และเนื่องจากช่วงนี้มีสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด เด็กและเยาวชนเรียนออนไลน์อยู่ที่บ้าน มีการใช้ Social Media มากขึ้น อาจตกเป็นเหยื่อให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องทางในการล่อลวงเด็กให้ผลิตสื่อลามกอนาจารแล้วนำมาเผยแพร่ จึงฝากประชาสัมพันธ์ให้พ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กและเยาวชนระมัดระวังการใช้งานสื่อโซเชียลมีเดียของลูกหลาน โดยแผนประทุษกรรมที่ตรวจพบบ่อยๆ คือ “หลอกจะให้เงิน เชิญเป็นดารา ชวนให้แก้ผ้า ท้าให้เปิดกล้อง” หากพบบุคคลมีพฤติกรรมดังกล่าว สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์