เมื่อวันที่ 27 ก.ย. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง กองบังคับการตํารวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (บก.สอท.2) สั่งการให้ชุดสืบสวนบก.สอท.2 จับกุมนายนิติภูมิ ป้องกัน อายุ 21 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.650/2564 ลง 7 เม.ย.2564 ความผิดฐาน “ หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดง ข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่า นั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้อื่น และนําเข้าสู่ระบบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” และ หมายจับศาลตลิ่งชัน ที่ 284/2564 ลง 6 ส.ค.2564 ความผิดฐาน “ ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น โดยทุจริต หรือหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ” จับกุมได้ที่บริเวณหน้าห้องพักไม่ระบุเลขที่ ต. อิสาณ อ. เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.เวลาประมาณ 11.30 น. โดยผู้เสียหายได้โพสต์เฟซบุ๊กขอบคุณตำรวจบก.สอท.2 ที่ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าว
พล.ต.ต.กานตพงศ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากทางชุดสืบสวนบก.สอท.2 ได้รับแจ้งจากประชาชนผู้เสียหายว่า มีกลุ่มมิจฉาชีพอ้างเป็นแอดมินเพจขายสินค้าแบรนด์เนมมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ก่อเหตุดังกล่าวคือนายนิติภูมิ ป้องกัน อายุ 21 ปี จากการสอบสวน นายนิติภูมิ ผู้ต้องหามี พฤติการณ์ สร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาใช้ชื่อว่า “ploy samanthai”เพื่อใช้ในการ เข้าไปอยู่ในกลุ่มเฟซบุ๊ก ที่ขายสินค้ากระเป๋าแบรนด์เนมหรือนาฬิการาคาแพงต่างๆ เมื่อพบเป้าหมาย ประกาศขายสินค้า ก็จะ อินบ็อก (Inbox) ไปติดต่อซื้อสินค้าจากผู้ขายนั้น เมื่อตกลงซื้อขายแล้วก็ใช้อุบาย อ้างว่าเพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายให้ซื้อขายผ่านแอดมินของกลุ่มเฟซบุ๊กนี้ หากผู้ขายตกลง ก็จะให้คิวอาร์โค้ดแจ้งว่าเป็นไลน์ของแอดมินกลุ่ม ผู้ขายสินค้าก็จะแอดไลน์ไปตามคิวอาร์โค้ดนั้น โดยคิดว่า เป็นแอดมินของกลุ่ม ในส่วนของผู้ต้องหาคิวอาร์โค้ดที่ให้ไปนั้น เป็นของผู้ต้องหาเอง ก็จะปลอมตัวเป็นเป็น แอดมินกลุ่มดังกล่าว เมื่อเจรจากับผู้ขายสินค้าแล้ว ก็จะอ้างว่าเพื่อความมั่นใจว่าผู้ขายจะส่งสินค้าให้ผู้ซื้อ แน่นอน ไม่ขายให้รายอื่น ขอให้ผู้ขายวางเงินมัดจําไว้ที่แอดมินกลุ่มในอัตรา 40% ของราคาสินค้า โดยเมื่อ ผู้ขายหลงเชื่อโอนเงินดังกล่าวไปยังบัญชีที่ผู้ต้องหาให้ไว้ ผู้ต้องหาก็จะลบบัญชี เฟซบุ๊กและไลน์ จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า นายนิติภูมิผู้ต้องหา พบว่ามีพฤติกรรมก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง และมีประวัติถูกจับ ดําเนินคดี 2 ครั้ง โดยมีผู้เสียหายในคดีนี้แจ้งความดําเนินคดีแล้วมากกว่า 20 ราย มูลค่าความเสียหายประมาณ 1,500,000 บาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน ดำเนินตามกฎหมายต่อไป
