จับกุมหมอเสริมความงามปลอม เพิ่งพ้นโทษ จําคุก 7 ปี

ตํารวจสอบสวนกลาง โดย ปคบ.ร่วม สบส. จับกุมหมอเสริมความงามปลอม พบเคยถูกจับเมื่อ พ.ศ.2556 ศําลสั่งจําคุก 7 ปี เพิ่งพ้นโทษ ไม่เข็ด!!!ใช้เอกสารหมอตัวจริงสมัครทำงานที่คลินิกเสริมความงาม

วันที่ 8 ตุลาคม 2564 กองบัญชการตํารวจสอบสวนกลาง โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.สําเริง อําพรรทอง พ.ต.อ.ชนันนัทธ์ สํารถวัลย์แพศย์ รอง ผบก.ปคบ. พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ.

ร่วมกันแถลง ผลการปฏิบัติงาน กรณีจับกุมผู้ต้องหาใช้เอกสารของแพทย์หญิง สมัครทางานเป็นแพทย์นอกเวลาที่ คลินิกเสริมความงามหลายแห่ง ตรวจสอบพบเคยถูกจับ 2 ครั้ง ศาลสั่งจาคุก 7 ปี เพิ่งพ้นโทษเมื่อเดือน สิงหาคม 2564 กลับมากระทาความผิดซำ้อีก

ตามข่าวที่ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีบุคคลใช้เฟสบุ๊กชื่อ Puguntong pacharamonna โพสต์ข้อความและภาพถ่ายของบุคคลสวมเสื้อกาวน์แพทย์ ปักชื่อของแพทย์ผู้อื่น ทำหัตถการด้านศัลยกรรมความงาม อยู่ในสถานเสริมความงามแห่งหนึ่ง ตรวจสอบแล้วพบว่าบุคคลดังกล่าวได้แอบอ้างนำใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพ เวชกรรมของแพทย์หญิงท่านหนึ่งมาใช้สมัครงานเป็นแพทย์นอกเวลาในสถานเสริมความงามหลายแห่ง

กองบัญชาการตารวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทาความผิดเกี่ยวกับ การคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ปฏิบัติงานร่วมกับ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) รวบรวมพยานหลักฐาน กรณีดังกล่าว โดยได้สอบสวนปากคำแพทย์หญิงที่ถูกนำใบอนุญาตให้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมไปใช้ เจ้าของคลินิก แห่งหนึ่ง ย่านบางแค ที่ผู้ต้องหานำเอกสารของแพทย์หญิงไปใช้เพื่อสมัครทำงานเป็นแพทย์นอกเวลา และผู้เสียหายที่เข้า รับการทำหัตถการ จนสามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหารายนี้คือ นางสาวณัฐชานันท์ (สงวนนามสกุล) จึงได้ขออนุมัติ ศาลอาญาธนบุรี ออกหมายจับผู้ต้องหา ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตารวจ กก.4 บก.ปคบ. ได้ทาการจับกุม นางสาวณัฐชานันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี พร้อมตรวจยึดของกลาง ชุดที่ผู้ต้องหาที่สวมใส่ขณะทางานหัตถการ จานวน 5 ชุด, อุปกรณ์ทางการแพทย์ นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดาเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวน นางสาวณัฐชานันท์ รับว่า ได้โพสต์กระทู้ในเว็บไซต์อ้างว่าตนจะเปิดคลินิกเสริมความงาม ต้องการรับสมัครแพทย์มาทำงานโดยให้ส่งเอกสารมาให้ทางไลน์ เมื่อได้รับเอกสารจากแพทย์ จะคัดเลือกแพทย์หญิง ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับตน จากนั้นจึงนำเอกสารดังกล่าวมาใช้สมัครทำงานในคลินิกเสริมความงามในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนหลายแห่ง

เบื้องต้นการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525 ฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ ฐาน “ใช้คําหรือข้อความอื่นใดที่แสดงให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเองเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม”ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม ประมวลกฎหมทยอาญาฐาน “ฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น เพื่อให้ได้ซึ่งทรัพย์สิน” ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ,ฐาน “เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะ เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท

อนึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบว่า นางสาวณัฐชานันท์ เคยถูกดำเนินคดี จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อ พ.ศ.2556 กระทำความผิด ฐาน “ร่วมกันนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ , ร่วมกันฉ้อโกง ประชาชน , ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลและประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม , ปลอมและใช้บัตรประชาชนปลอม ขายหรือสั่งเข้ามาซึ่งยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้ รับอนุญาต“ ศาลพิพากษา จาคุก 7 ปี และ ครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2559 กระทำความผิด ฐาน “ลักทรัพย์ , เอาไปเสียซึ่ง เอกสารของผู้อื่น , ปลอมและใช้เอกสารปลอม , ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม , ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น” คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม

พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชน ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้ บริการ สถานเสริมความงาม ควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจเสียก่อน โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เว็ปไซต์ แพทยสภา www.tmc.or.th/check_md/ โดยกรอกชื่อ นามสกุล ของแพทย์ให้ถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ทันที และเว็ปไซต์ สานักสถานพยาบาลฯ http://privatehospital.hss.moph.go.th/ เพื่อตรวจสอบข้อมูล สถานเสริมความงาม ถ้าไม่มีข้อมูลอาจเป็นคลินิกเถื่อน

โทรสอบถามได้ที่ สำนักสถานพยาบาล หมายเลขโทรศัพท์ 02-193-7999 และแจ้งเตือนมายังผู้ที่ประกอบกิจการสถานเสริมความงาม กรณีรับสมัครแพทย์หรือบุคลากรอื่นๆ มาทำหัตถการภายในสถานเสริมความงาม จะต้องตรวจสอบเอกสารและพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง
หากพี่น้องประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ปคบ. 1135 หรือ เพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค