ผบ.ตร. กำชับตำรวจทุกหน่วย เตรียมพร้อมรองรับการผ่อนคลายมาตรการ

พ.ต.อ.กฤษณะ  พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กล่าวถึงกรณีที่ ศบค. มีมติที่ประชุมเมื่อวันที่14 ต.ค.64 ปรับลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 23 จังหวัดและปรับเวลาเคอร์ฟิว 23.00-03.00 น. อย่างน้อย 15 วัน เริ่ม 16 ต.ค.64 เป็นต้นไป พร้อมผ่อนคลายกิจกรรม-กิจการเพิ่มเติม แต่ยังคงงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร นั้น

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกันได้เล็งเห็นความสำคัญเพื่อให้การขับเคลื่อน ระบบเศรษฐกิจสามารถดำเนินการควบคู่ไปด้วย จึงได้มีการผ่อนคลายกิจกรรม-กิจการ ตามมติของ ศบค. พร้อมได้กำชับให้หน่วยงานทุกภาคส่วนดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล       โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์  กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(มค.) ลงไปกำกับดูแล พร้อมกำชับการปฎิบัติของทุกหน่วยในสังกัดที่เกี่ยวข้อง  โดยให้ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ สร้างการรับรู้ มาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ตามแนวทางของ ศบค. และ ตามประกาศ คำสั่ง ของผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละพื้นที่ อย่างเคร่งครัด  การตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศไทยตามพิธีการคนเข้าเมือง  การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว  รวมถึงการออกตรวจสอบ กวดขัน สถานประกอบการ ร้านค้า ให้ปฏิบัติตามคำสั่ง ประกาศ ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ 

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่ออีกว่า ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยในพื้นที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการให้เกิดผลอย่างจริงจัง มีผลการปฎิบัติเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง เพื่อบรรลุเป้าหมายรองรับตามนโยบายรัฐบาลสำหรับการเตรียมพร้อมเพื่อเปิดประเทศ และการผ่อนคลายกิจกรรม-กิจการ รวมถึงให้ประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ ออกตรวจสอบสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุม หรือสถานที่มีประชาชนแออัดจำนวนมาก ตามกลุ่มพื้นที่จังหวัด ที่ ศบค. ได้กำหนด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 23 จังหวัด  พื้นที่ควบคุมสูงสุด 30 จังหวัด และพื้นที่ควบคุม 24 จังหวัด รวมถึงสร้างการรับรู้ให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการและประชาชนในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ covid-19 ปฏิบัติตามมาตราการทางสาธารณสุข พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และการปรับเงื่อนไข กิจกรรม-กิจการ ตามพื้นที่ ศบค. ได้กำหนด เช่น พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ห้ามออกนอกเคหสถาน ตั้งแต่เวลา 23.00-03.00 น. เป็นเวลาอย่างน้อย 15 วัน     ปรับเวลาเปิด กิจกรรม-กิจการต่างๆ ได้ถึงเวลา 22.00 น.  รวมถึงการจัดการประชุมและจัดงานตามประเพณีนิยมได้ในศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ตามที่กำหนด สถานดูแลผู้สูงอายุ             เปิดดำเนินการให้สามารถรับไป-กลับได้ สำหรับทุกพื้นที่ ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า คอมมิวนิตี้มอลล์ ให้เปิดตู้เกมส์ เครื่องเล่น ร้านเกมส์ ที่เล่นรายบุคคล หรือแข่งเป็นคู่ได้ (ยกเว้นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ยังไม่เปิดให้บริการ) การจัดกิจกรรมรวมกลุ่มปรับเพิ่มตามระดับพื้นที่เป็น 50,100 ,200 ,300,500 คน เป็นต้น

อีกทั้ง ผบ.ตร. ขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทุ่มเท เสียสละ กำลังกาย กำลังใจ ในการ   ออกตรวจสอบสถานประกอบการแหล่งมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ covid-19 ตามกลุ่มพื้นที่จังหวัดที่ ศบค. ได้กำหนด ซึ่งยังคงให้งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร รวมทั้งการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้หากประชาชนหรือนักท่องเที่ยวต้องการความช่วยเหลือหรือแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง สามารถโทรมายังหมายเลขสายด่วน191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.