PCT จับกุมเครือข่าย Crowd1 ความเสียหายหลายล้านบาท

วันนี้ ( 26 ต.ค.64) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ, พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ฯ , พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่าย Crowd1 จำนวน 2 ราย มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท


พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า กลุ่มคนร้ายชักชวนให้ประชาชนทั่วไปลงทุนในแพลตฟอร์มชื่อ crowd1 . com โดยอ้างว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศและมีการนำเงินจากผู้สนใจไปลงทุนในธุรกิจและแพลตฟอร์มต่างๆ มีลักษณะเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ จะสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในสถาบันการเงินปกติ โดยกลุ่มคนร้ายจะมีตัวละครหลักๆ อยู่ 4 ราย ทำหน้าที่เป็นวิทยากรสอนการลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม Crowd1 โดยขายเป็นแพ็คเกจความรู้ในการลงทุนตั้งแต่ 99 ยูโร หรือ 4,000 บาท ไปจนถึง 2,999 ยูโร หรือ 100,000 บาท กลุ่มคนร้ายรู้อยู่แล้วว่าธุรกิจที่กล่าวอ้างนั้น ไม่ได้ประกอบกิจการจริงอันจะทำให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนแก่สมาชิกผู้ลงทุนแต่อย่างใด หากแต่ใช้รูปแบบการกดดันผู้ลงทุนในลักษณะบังคับให้ตัดสิ้นใจในเวลาจำกัด ภายใต้ชื่อแผนการตลาดว่า Fear of Loos Bonus กล่าวคือ หากสามารถหาสมาชิกใหม่ได้ภายใน 14 วัน จะได้รับผลตอบแทนมากขึ้น เช่น หากแนะนำสมาชิก 4 คน ลงทุนในแพ็คเกจ แพ็คเกจ White จะได้รับผลตอบแทน 15,000 บาท หรือ หากแนะนำสมาชิก 4 คน ลงทุนในแพ็คเกจ Gold จะได้รับผลตอบแทน 40,000 บาท หรือ หากแนะนำสมาชิก 4 คน ลงทุนในแพ็คเกจ Titanium จะได้รับผลตอบแทน 120,000 บาท ซึ่งมีจำนวนการลงทุนแตกต่างกันไป และหากหากสมาชิกใหม่นั้นหาสมาชิกมาสมัครต่อๆ กันไปอีก สมาชิกเดิมก็จะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนลดหลั่นกันไปตามแผนการลงทุนอีกด้วย จากการคำนวนแผนการตลาดดังกล่าวที่มุ่งเน้นการระดมทุนหาสมาชิกใหม่ๆ มาสมัคร แต่มิได้มีการหาประโยชน์จากการขายสินค้า หรือทำงานเหมือนบริษัทขายตรงทั่วไป ทั้งยังโฆษณาชวนเชื่ออีกว่า สมาชิกระดับต้นๆ จะสามารถได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึงร้อยละ 3,258 ต่อปี ซึ่งเป็นการให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงินอย่างมหาศาล และการกระทำดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นแชร์ลูกโซ่ ต่อมาเมื่อไม่สามารถตอบแทนผู้ลงทุนได้ ผู้ต้องหากับพวกจึงได้ปิดกิจการและแยกย้ายกันหลบหนีไป


เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดธัญญบุรี และเข้าทำการจับกุม น.ส.กรนัท สงวนนามสกุล กับพวกรวม 2 ราย ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” ซึ่งได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งย่านสาทร กทม. และในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ตามลำดับ นอกจากนั้นยังได้ตรวจค้นจุดทำการตลาดที่ สำนักงาน Crowd1 เลขที่ 289/17-18 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี และที่ซุกซ่อนทรัพย์สินต่างๆ ยึดของกลางได้จำนวนมาก


ผอ. PCT กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้มีบัญชาให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media เป็นจำนวนมาก ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งระดมปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะได้แจ้ง ปปง. ให้ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป หากพบเบาะแส หรือเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 081-8663000 หรือ www.pct.police.go.th