ตำรวจไซเบอร์ เปิดที่ทำการ บก.สอท.3 ดูแลรับผิดชอบภาค 20 จังหวัดภาคอีสาน

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการ (ชั่วคราว) กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 ณ ที่ตั้ง อาคารเลขที่ 177/49 ม.17 ถนนมิตรภาพ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จว.ขอนแก่น พร้อมด้วย พล.ต.ต ภาณุมาศ บุญญลักษม์  รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.มนเฑียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.สุรพล เปรมบุตร ปรก. รอง ผบช.สอท. และ ผู้แทนของหน่วยงานต่าง ๆ ใน จว.ขอนแก่น ที่ร่วมมาเป็นเกียรติในพิธีเปิด โดยมี พล.ต.ต.ออมสิน ตรารุ่งเรือง ผบก.สอท.3 เป็นผู้กล่าวรายงาน

การเปิดที่ทำการฯ ในครั้งนี้สอดคล้องตามตามนโยบายของ รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในการจัดตั้ง กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรม ในคดีที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ การสนับสนุนข้อมูล ประสานความร่วมมือ กับ ตำรวจภูธรภาคในพื้นที่ ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่เป็นหลัก และ การให้บริการประชาชน ลดภาระการเดินทาง โดยกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 หรือ สอท.3 มีพื้นที่รับผิดชอบ 20 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

การตั้งที่ทำการ (ชั่วคราว) กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ให้ความสะดวกแก่ประชาชนในพื้นที่ที่รับผิดชอบ บริการประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อหรือผู้เสียหายจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจน ให้ความรู้ให้กับประชาชนและส่วนราชการอื่นๆ เกี่ยวกับแนวโน้ม หรือ สถานการณ์ที่น่าสนใจด้านเทคโนโลยี โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อของอาชญากรไซเบอร์ที่นับวันได้เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า บก.สอท.3 ได้เริ่มเปิดให้บริการประชาชนมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 64 โดยเริ่มให้ พงส. มาเข้าเวร คอยรับแจ้งเหตุหรือให้คำปรึกษาประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับความผิดที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ยุคปัจจุบัน โดยจะทำงานร่วมกันอย่างคู่ขนานกับสถานีตำรวจ ในการสนับสนุนข้อมูลทางการสืบสวนสอบสวนหรือวิเคราะห์สืบค้นให้รู้ตัวคนร้าย และรับผิดชอบคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญ ๆ ซึ่งจะมีการประสานงานกับ สถานีตำรวจท้องที่ เกี่ยวกับคดีประเภทไหนอย่างไร เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด

สำหรับการกระทำความผิดที่อยู่ในความรับผิดชอบของ บช.สอท. เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ, กฎหมายว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ รวมถึงบางฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา เช่น ฉ้อโกง หรือ การครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก  และยังมี พ.ร.บ.อื่นๆ อีกที่ความผิดมีโทษทางอาญา

โดยการยึดหลักเกณฑ์ ตามคำสั่ง ตร.ที่ 287/2564 ลง 18 มิ.ย.64 เรื่อง การรับคำร้องทุกข์หรือคำกล่าวโทษ และการสอบสวนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่กำหนด เช่น คดีที่มีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่ 10 ล้านขึ้นไปและมีผู้เสียหายตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป หรือ คดีที่มีมูลค่าความเสียหาย 30 ล้านขึ้นไป  หรือมีผู้เสียหาย 50 คนขึ้นไป รวมทั้งการกระทำความผิดเป็นรูปขบวนการหรือกลุ่มบุคคล หรือมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ เป็นต้น

ส่วนคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วไป ทางสถานีตำรวจท้องที่ สามารถดำเนินการให้บริการประชาชนได้ โดยสามารถ ร้องขอให้ บช.สอท. สนับสนุน ช่วยเหลือข้อมูล การสืบสวนทางเทคโนโลยี เช่น การระบุที่อยู่ หรือ ตัวผู้กระทำความผิด หรือ ข้อมูลการสืบสวน ซึ่งคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่พบมากที่สุดตอนนี้ คือ ฉ้อโกงซื้อของทางออนไลน์ แล้วก็เป็นความผิดประเภทอื่นๆ เช่น หลอกให้กู้เงินทางออนไลน์ ,scam ต่างๆ ทั้ง romance scam และ hybrid scam,  หมิ่นประมาททางสื่อสังคมออนไลน์, หลอกกู้เงินทางออนไลน์, เผยแพร่ภาพลามกทางสื่อโซเชียล เป็นต้น

ทั้งนี้ บช.สอท. ได้สนับสนุนข้อมูลให้กับหน่วยงานต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนที่เกิดจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ซึ่งที่ผ่านมา ก็มีผลการจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ประเภทต่างๆ มาโดยตลอด เช่น หลอกขายของออนไลน์  ขายอาวุธปืนออนไลน์ เผยแพร่สื่อลามก การพนันออนไลน์  ฯลฯ และ การประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ โดยการฉีดวัคซีน ภูมิคุ้มกันอาชญากรรมทางไซเบอร์ ให้แก่ประชาชน อย่างต่อเนื่อง  เพื่อเกิดความรู้ความเข้าใจในการป้องกันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตามวิสัยทัศน์ของ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ที่ว่า “เป็นองค์กรสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมไซเบอร์อย่างมืออาชีพที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา” และ คำขวัญมุ่งมั่นของหน่วยงาน “CYBER COP ANTI CYBER CRIMES”