ตำรวจสอบสวนกลาง รวบขบวนการลวงนำรถค้ำประกันเงินกู้ หนี้หมดรถไม่ได้คืน

กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย, พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.มีชัย กำเนิดพรม, พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ,พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., ว่าที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.สิงห์ชัย ฐานไชยสิทธิ์, พ.ต.ท.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์, พ.ต.ท.พงศกร ตันอารีย์, พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป., พ.ต.ท.ภาณุมาศ แสงส่ง ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.3 บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดตรวจยึด นำโดย พ.ต.ท.สิทธิพร มีอาษา, พ.ต.ต.ณัฐดนัย สีแข่ไตร, พ.ต.ต.กิตติภพ ทองเพชร สว.กก.3 บก.ป., ร.ต.อ.อัครวุฒิ จันทร์เจริญ, ร.ต.อ.อาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ รอง สว.กก.3 บก.ป.

แจ้งข้อกล่าวหา ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย ดังนี้
1.นายธเรศวร์ฯ หรือแก๊ป อายุ 29 ปี ในข้อหา “ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันรับของโจร”
2.นางสุภาภรณ์ฯ อายุ 31 ปี ในข้อหา “ร่วมกันยักยอก, ร่วมกันรับของโจร”
พร้อมกับตรวจยึด รถยนต์เก๋ง ทะเบียน 9กท 7412 กทม. (รถยนต์ของนายอัณณพฯ ผู้เสียหาย) ได้จากนายธเรศวร์ฯ มูลค่ากว่า 1,000,000 บาท

สถานที่ตรวจยึด ตลาดย่าน ถ. ลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ ด้วยปัจจุบัน มีการสร้างเพจเฟซบุ๊กรับซื้อ – ขาย รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือนำรถมา ค้ำประกันหนี้เงินกู้ ทั้งที่กรรมสิทธิ์ในตัวรถยังเป็นของบริษัทไฟแนนซ์จำนวนหลายเพจ ซึ่งในหลายๆกรณี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ฉวยโอกาสนำรถส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมาย ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการปราบปรามเครือข่ายรับซื้อขายรถยนต์มาแล้วหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทลายเครือข่าย เพจรับจำนำรถยนต์ ที่ จ.พิษณุโลก ซึ่งสามารถตรวจยึด รถยนต์ จำนวน 84 คัน รถจักรยานยนต์ 79 คัน รวม 163 คัน และปราบปรามขบวนการซึ่งเปิดเพจรับจำนำรถยนต์ จ.ร้อยเอ็ด จนกระทั่งสามารถตรวจยึดรถยนต์ จำนวน 73 คัน ถึงแม้จะมีการปราบปรามและจับกุมอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนร้ายที่ฉวยโอกาสซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในช่วงสถานการณ์โควิด เปิดเพจออนไลน์ในลักษณะเดียวกันขึ้น เพื่อหลอกลวงประชาชนอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย

ซึ่งจากกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2564 นายอัณณพฯ ผู้เสียหาย ได้เข้าไปยังเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า “money car : รับจำนำรถ” (ปัจจุบันเพจดังกล่าวได้ปิดไปแล้ว) และติดต่อพูดคุยกับเพจดังกล่าว เนื่องจากมีความจำเป็นในการใช้เงิน นายอัณณพฯ จึงได้นำรถยนต์ทะเบียน 9 กท 7412 กทม. (มูลค่ากว่า 1,000,000 บาท ) ซึ่งตนเองเป็น ผู้ครอบครองใช้งาน (แต่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของไฟแนนซ์) ไปค้ำประกันเงินกู้ มียอดเงินทั้งหมด 30,000 บาท โดยได้มีการนัดหมายส่งรถกันที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเมื่อถึงเวลานัดหมาย ได้มีนางสุภาภรณ์ฯ มารับรถคันดังกล่าว พร้อมกับโอนเงินหลังหักค่าดำเนินการต่างๆ คงเหลือเงินจำนวน 25,000 บาท ให้กับผู้เสียหาย โดยหลังจากส่งมอบรถกันเรียบร้อยเเล้ว ทั้งสองได้มีการเเลกเปลี่ยนสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนกันไว้ พร้อมกับนัดหมายชำระหนี้กันอีกในสองสัปดาห์ถัดไป เเต่เมื่อถึงกำหนดนัดชำระหนี้คืน ผู้เสียหายได้ติดต่อทวงถามไปยังนางสุภาภรณ์ฯ เพื่อแจ้งความประสงค์ขอชำระหนี้และให้นำรถมาคืนนางสุภาภรณ์ฯ กลับบ่ายเบี่ยงไม่ยอมนำรถมาคืน อ้างว่ารถไปอยู่ที่เต้นท์รถในพื้นที่กรุงเทพฯ ผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางสุภาภรณ์ฯ ในข้อหายักยอก ไว้ที่ สภ.บ้านเป็ด โดยผู้เสียหายเชื่อว่า รถยนต์ของตนเองที่นำไปค้ำประกันเงินกู้ไว้ น่าจะถูกนำไปขายต่อ จึงได้ขอความช่วยเหลือมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป.

จากการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบข้อมูลผู้ติดตามของเพจ “money car : รับจำนำรถ” ซึ่งเป็นเพจรับจำนำรถ ที่มีผู้ติดตามกว่า 1,000 ราย พบว่าพฤติกรรมของเครือข่ายนี้จะทำการปล่อยเงินกู้ โดยลวงให้ประชาชนนำรถมาค้ำประกันเงินกู้ จากนั้นจะทำทีนัดหมายวันไถ่ถอน แต่เมื่อถึงกำหนดไถ่ถอน กลับไม่สามารถติดต่อกลุ่มผู้ต้องหาได้ โดยกลุ่มขบวนการดังกล่าวจะนำรถที่ได้มาจากการค้ำประกันเงินกู้ไปขายต่อให้กลุ่มนายทุน
ส่วนเพจ “รถหลุดจำนำ จากนายทุน” ซึ่งเป็นเพจขายรถหลุดจำนำ ที่มีผู้ติดตามกว่า 400,000 คน จะโพสต์ภาพและข้อความขายรถมีข้อความว่า รถหลุดจำนำหนีไฟแนนซ์ ในราคาถูกกว่าท้องตลาด ทำให้ผู้ที่สนใจ ติดต่อซื้อจำนวนมาก โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะอ้างว่ารถมีการโอนลอย มาจากเจ้าของกรรมสิทธิ์รถ ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถยนต์ที่มีตำหนิรูปพรรณคล้ายกับรถยนต์ของผู้เสียหายถูกนำไปโพสต์ ขายอยู่ในเพจเฟซบุ๊ค “รถหลุดจำนำ จากนายทุน” เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงทำการติดต่อขอซื้อรถคันดังกล่าว โดยทางเพจให้โอนเงินมัดจำเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท และนัดหมายให้มารับรถกันที่บริเวณ ถ.ลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ ในวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ​

ต่อมาในวันที่ 3 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ป. จึงได้เดินทางไปตามที่นัดหมายไว้ เพื่อไปรับรถคันดังกล่าว โดยเมื่อเดินทางไปถึงได้พบกับนายธเรศวร์หรือแก๊ปฯ แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองรถยนต์เก๋ง ทะเบียน 9 กฒ 7412 กทม. ซึ่งมีตำหนิรูปพรรณตรงกันกับรถของผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ แสดงตัว ขอตรวจสอบเอกสาร และหมายเลขตัวถังของรถยนต์คันดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่ารถยนต์ คันดังกล่าวเป็นคันเดียวกันกับรถยนต์ของผู้เสียหาย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เชิญตัวนายธเรศวร์ฯ พร้อมนำรถยนต์คันดังกล่าว ไปทำบันทึกตรวจยึดที่ กก.3 บก.ป. และนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านเป็ด จว.ขอนแก่น เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งทางชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบเพจ รับจำนำรถ และเพจขายรถ ย้อนหลังพบว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่นอีก โดยมีการกระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่าย มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน นอกจากนั้นยังพบว่า มีการขายรถยนต์ออกไปทั้งหมดกว่า 100 คัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท อยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลต่อไป

จากการสอบถามนายธเรศวร์ฯ เบื้องต้นนายธเรศวร์ฯ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับว่า มีนายทุนฯ ที่เปิดเพจขายรถ โดยนายทุนได้ว่าจ้างตนกับเพื่อนให้นำรถมาส่งตามจุดหมายที่นายทุนแจ้งไว้ โดยตนเองทำหน้าที่นี้มาแล้วประมาณ 3-4 ปี และทราบดีว่ารถที่นำไปส่งตามจุดนัดหมายนั้น เป็นรถหลุดจำนำที่ผ่านการซื้อขายแบบไม่มีการจดทะเบียน ซึ่งตนเองกระทำในลักษณะเช่นนี้มาแล้วกว่า 100 คัน นอกจากนี้นายธเรศวร์ฯ ยังให้การซัดทอดถึงกลุ่มนายทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน

ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด พบว่ามีผู้เสียหายถูกเพจดังกล่าวหลอกนำรถมาค้ำประกันเงินกู้เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันผู้เสียหายในพื้นที่ จ.ขอนแก่น และ จ.อุดรธานี ซึ่งทราบเรื่องได้ทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับนางสุภาภรณ์ฯ แล้ว จำนวน 5 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 5,000,000 บาท
ซึ่งเมื่อตรวจสอบประวัตินางสุภาภรณ์ฯ พบว่า มีประวัติการกระทำความผิดในข้อหา จำนวนหลายคดี ดังนี้
1.ข้อหายักยอกทรัพย์ รวมจำนวน 3 คดี แบ่งเป็นพื้นที่ สภ.บ้านเป็ด จำนวน 1 คดี และ สภ.เมืองอุดรธานี จำนวน 2 คดี
2.ข้อหาฉ้อโกง จำนวนรวม 3 คดี ในพื้นที่ สน.สุทธิสาร, สภ.รัตนาธิเบศร์ และ สภ.ปากเกร็ด
3.ข้อหาในความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ฯ รวมจำนวน 3 คดี แบ่งเป็นพื้นที่ สภ.ชัยพฤกษ์ 2 คดี และ สน.สายไหม จำนวน 1 คดี
ทุกคดีเกิดในช่วงปี พ.ศ.2564 อยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล
ในส่วนของนายธเรศวร์ฯ เคยถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ในพื้นที่ สน.ดินแดง จำนวน 1 คดี

ตำรวจสอบสวนสอบสวนกลาง จึงขอเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน ในกรณีนำรถยนต์หรือสิ่งของไปค้ำประกันเงินกู้กับผู้อื่น ขอให้ท่านตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน กลุ่มบุคคล เพจ หรือแอปพลิเคชันต่างๆ ให้เเน่ใจเสียก่อนว่า ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อจะไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสปล่อยเงินกู้ แล้วหลอกให้ประชาชนนำรถยนต์มาค้ำประกันเงินกู้ แต่ภายหลังกลับนำรถยนต์ของท่านไปขายต่อ ทำให้ท่านได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้หากท่านประสงค์ที่จะ กู้เงิน ท่านสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสถาบันการเงิน และผู้ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยได้ที่ www.bot.or.th

สุดท้ายนี้ หากประชาชนท่านใดพบเห็นผู้กระทำความผิดในลักษณะข้างต้น สามารถแจ้งเบาะเเสเข้ามาได้ที่เพจตำรวจสอบสวนกลาง หรือเพจกองปราบปราม