ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดยุทธการ “สอบสวนกลาง ปราบแก๊งโกงกู้”

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ. ,พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รอง ผบก.ปอศ., และ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ จำนวนกว่า 100 นาย ปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิด ภายในยุทธการ “สอบสวนกลาง ปราบแก๊งโกงกู้”

จากสภานการณ์โรคโควิด-19 ระบาดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจ เป็นเหตุให้การดำรงชีพของประชาชนเป็นด้วยความยากลำบาก ขาดสภาพคล่องและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ประกอบกับที่ผ่านมาประสบปัญหาจากหนี้นอกระบบ ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก๊งหมวกกันน็อค, แอปเงินกู้เถื่อนผิดกฎหมาย ฯลฯ รัฐบาลจึงมีนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ออกมาตรการที่ส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

ต่อมาธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ได้ออกผลิตภัณฑ์ให้สินเชื่อในรูปแบบออนไลน์ โดยประชาชนสามารถขอสินเชื่อผ่านสมาร์ทโฟนได้ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด ซึ่งหากเอกสารครบถ้วนตามหลักเกณฑ์จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายใน 30 นาที ทำให้ประชาชนได้รับอนุมัติวงเงินกู้เร็วขึ้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบในรูปแบบต่าง ๆ

ต่อมากลุ่มมิจฉาชีพ เห็นช่องโอกาสจากมาตรการดังกล่าว จึงหลอกลวงประชาชนที่ขาดรายได้และต้องการเข้าถึงแหล่งทุน โดยออกกลอุบายชักชวนว่าสามารถหาแหล่งเงินทุนให้ได้ เพียงแค่นำบัตรประชาชนใบเดียวมาให้ ก็สามารถกู้เงินได้

จนกระทั่งเมื่อประมาณ ต้นเดือน ส.ค.2564 ได้มีประชาชนในพื้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า เมื่อประมาณกลางเดือน ก.ค.2564 ถูกกลุ่มมิจฉาชีพซึ่งเป็นนายหน้าอ้างว่าสามารถหาเงินกู้ให้ได้ จึงหลงเชื่อและมอบบัตรประชาชนให้ไป หลังจากนั้นกลุ่มมิจฉาชีพพาไปสแกนใบหน้ากลางป่าในพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนหนึ่งของการยื่นกู้ จากนั้นประมาณ 1 เดือน กลุ่มมิจฉาชีพได้นำโทรศัพท์สมาร์ทโฟนมามอบให้ พร้อมกับเงินประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท ซึ่งอยู่ในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ แต่ต่อมาประชาชนกลับได้รับใบแจ้งหนี้จากธนาคารว่าตนเองเป็นหนี้ 160,000 บาท จึงได้พากันมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน จากกรณีดังกล่าวทำให้พี่น้องประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ตกเป็นลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์โดยไม่รู้ตัว แต่ได้รับเงินจริงเพียง 1 ใน 4 ของยอดเงินกู้ โดยคนร้ายได้เงินไปจำนวนมาก แต่ภาระหนี้สินตกอยู่กับพี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกลวง

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. และ พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้เป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก ประกอบกับต่อมาทางธนาคาร ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้าย จากการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำให้ทราบเครือข่ายผู้ที่ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ จนนำไปสู่การขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 14 ราย

ซึ่งวันนี้ (28 ธ.ค.2564) เวลาประมาณ 06.30 น. ตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ร่วมกับ กองบังคับการปราบปราม และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้น จับกุมผู้ต้องหาในคดีนี้ จำนวน 10 จุด ในพื้นที่ กบินทร์บุรี, ปราจีนบุรี, พัทยา, สระแก้ว, นครราชสีมา, สมุทรสงคราม และฉะเชิงเทรา ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ปฏิบัติกว่า 100 นาย ภายใต้ยุทธการ “สอบสวนกลาง ปราบแก๊งโกงกู้”

ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 14 ราย ได้แก่

  1. นางสาวณัฐกฤตา สุดสน อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2138/2564
  2. นางสาวพรพรรณ ลำพา อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2139/2564
    1. นายวิโรจน์ เลิศกิจลักษณ์ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2140/2564
  3. นางสาวคฑามาส กิ่งเงิน อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2141/2564
  4. นายศราวุธ เผ่านักรบ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2142/2564
  5. นายจักรณรงค์ พลทะรักษา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2143/2564
    1. นายยศวริศ เลิศกิจลักษณ์ อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2144/2564
  6. นางสาวชุติกาญจน์ เลิศกิจลักษณ์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2145/2564
    1. นางสาวกมลทรรศน์ คำโสดดา อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2146/2564
  7. นายก้องเกียรติ ทาชมภู อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2147/2564
  8. นางศศิธร พลทะรักษา อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2149/2564
  9. นางสาวพวงเพ็ญ ลำพา อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2150/2564
  10. น.ส.สุพัตรา สุริยา อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2151/2564
  11. นางสาวศิริลาวัลย์ พึ่งเกษม อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 2148/2564 ตรวจยึดของกลาง ได้แก่
  12. บัญชีธนาคาร 65 รายการ
  13. โทรศัพท์มือถือ 78 เครื่อง
  14. เอกสารเกี่ยวกับการทำธุรกรรม 16 รายการ
  15. เอกสารเกี่ยวกับคดี 14 รายการ
  16. บัตรอิเล็กทรอนิกส์ 9 ใบ
  17. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 รายการ
  18. ของกลางอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง 207 รายการ รวมมูลค่ากว่า 2,383,600 บาท
    เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวให้ดู โดยผู้ต้องหาทั้ง 13 คน ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมมาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
    จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ 13 ราย ปฏิเสธ 1 ราย

ตำรวจสอบสวนกลาง จึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชน อย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกลุ่มมิจฉาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขอให้ระมัดระวังในการใช้บัตรประชาชนซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางราชการ คนร้ายอาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมรูปแบบต่าง ๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเจ้าของบัตรได้ และขอฝากพิจารณาให้รอบคอบว่าไม่มีสิ่งใดที่จะได้มาโดยง่ายเกินกว่าความเป็นจริงที่ควรจะเป็น ในกรณีที่ท่านประสงค์จะกู้เงิน แต่ไม่สามารถดำเนินการเองได้ ขอให้ติดต่อธนาคารสาขาใกล้บ้านท่านได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่านตัวกลางหรือนายหน้าแต่อย่างใด