ตร.กำแพงเพชร ร่วมกับตร.ไซเบอร์ จับกุมผู้ต้องหาแก็งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอน และเย๊าะเย้ย “ผมเป็นมิจ แต่มิจฉาชีพ”

ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และตำรวจเมืองกำแพงเพชร ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จับกุมผู้ต้องหาแก็งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินแล้ว 1 ราย อ้างเป็นคนรับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น แล้วยังเย๊าะเย้ยผมเป็นมิจ แต่มิจฉาชีพ

ตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และตำรวจเมืองกำแพงเพชร ร่วมกับ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) จับกุมผู้ต้องหาแก็งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้โอนเงินแล้ว 1 ราย อ้างเป็นคนรับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น แล้วยังเย๊าะเย้ยผมเป็นมิจ แต่มิจฉาชีพ


พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กำแพงเพชร , พล.ต.ต.ฐิตวัฒน์ สุริยฉาย ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี.สอท.4 , พ.ต.อ.เอนก จันทร์ศร รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ. กำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.อ.ธนัท แสงตันชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชร ได้ร่วมกันจับกุม นางสาววาสนา ดำสมุทร อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 119 ซอยเคหะร่มเกล้า 41 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดกำแพงเพชร ความผิดฐาน ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น จับกุมได้ที่บริเวณบ้านเช่าเลขที่ 157/87 หมู่บ้านพูลสินธานี 1 แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ


จากพฤติการณ์ ด้วยเมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2565 เวลาประมาณ 09.00 น. น.ส.กนกกาญจน์ กิติวงศ์ อายุ 25 ปี ที่อยู่ 66/9 ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ผู้เสียหาย ได้ถูกคนร้ายใช้โทรศัพท์ ถามผู้เสียหายว่า ได้ไปส่งพัสดุที่บริษัทขนส่ง สาขาเซ็นทรัล แอร์พอต ปลายทางผู้รับ แอนนา หวัง กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน หรือไม่โดยภายในกล่องพัสดุมี บัตรเอทีเอ็ม 12 ใบ หนังสือเดินทาง 7 เล่ม และ เสื้อผ้าจำนวน 7 ชุด ซึ่งเป็นสิ่งของต้องสงสัยว่าจะใช้ในการกระทำความผิดกฎหมาย ให้ผู้เสียหายมาแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ หรือไม่ผู้เสียหายบอกว่าไม่สะดวก ทางปลายสายจึงให้เพิ่มเพื่อนทางไลน์ กับไลน์ชื่อ สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อโทรทางไลน์ ได้มีชายอ้างว่าเป็นร้อยเวร ผู้เสียหายพูดว่าจะขอแจ้งความ ชายดังกล่าวบอกว่าได้ทำบัตรหายรึเปล่า เคยสั่งของรึเปล่า ชายดังกล่าวก็บอกว่าขอหมายเลขบัตรประชาชนหมายเลขเพื่อไปตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียหายจึงได้บอกไป ชายดังกล่าว แล้วแจ้งว่าผู้เสียหายพัวพันกับคดีฟอกเงินของ นายสมศักดิ์ ศักดิ์ดี พร้อมส่งรูปให้ดูและบอกว่า ผู้เสียหายขายเล่มสุดบัญชีให้ชายดังกล่าวเล่มละ 12,000 บาท เพื่อเดินเงินเข้าบัญชีแล้วถามข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย ผู้เสียหายบอกว่า มีเงินอยู่ในบัญชีจำนวน 7,783 บาท พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายคุยกับสารวัตร ชื่อวัชธิดา กิ่งแก้ว สภ.เมืองเชียงใหม่ เสียงเป็นผู้หญิงพร้อมบอกว่าพี่พร้อมช่วย ต้องให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีส่วนกลางเพื่อตรวจสอบการเดินเงิน เลขบัญชี 117-3-640044 ธนาคารกสิกรไทย ชื่อนางสาววาสนา ดำสมุทร ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้โอนเงินผ่านแอปพลิชันไปเป็นจำนวน 7,000 บาท เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2565 เวลา 10.08 น.


ต่อมาชายที่แจ้งว่า เป็นร้อยเวร บอกว่าเงินไม่พอกับการตรวจสอบ ต้องการเงินเพิ่มอีก 50,000 บาท ผู้เสียหายหาเงินไม่ได้ จึงไปสอบถามญาติ และรู้ว่าตัวเองถูกหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกำแพงเพชร เพื่อดำเนินคดีตาม กฎหมายต่อไป ต่อมาชายดังกล่าวซึ่งแจ้งว่าเป็นร้อยเวร โทรศัพท์ทางไลน์ สภ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมกับได้บอกเตือนภัยว่า ทีหลังอย่ารับเบอร์แปลก ผู้เสียหายไม่เคยเจออย่างนี้มาก่อนเลย ชายดังกล่าวพูดว่า พี่เป็นมิตรนะ ผู้เสียหาย ถามว่ามิตรอะไร โชายดังกล่าวบอกว่า มิจฉาชีพ แล้วก็ตัดสายไป
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปทำการสืบสวนสอบสวนที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ในเบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าตนเอง รับจ้างเปิดบัญชีจากคนรู้จัก โดยได้เงินบัญชีละ 1000 บาท เป็นจำนวน 9 บัญชี โดยคนที่มาจ้างตนเปิดบัญชีแจ้งว่าจะนำไปเล่นเกม ตนเพียงรับจ้างเปิดบัญชีเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในการนำบัญชีธนาคารดังกล่าวไปกระทำความผิดแต่อย่างใด และไม่ได้มีส่วนร่วมในขบวนการคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว

ทางด้าน น.ส.กนกกาญจน์ กิติวงศ์ ผู้เสียหาย วันนี้ได้เดินทางมาเพื่อดูหน้าผู้ต้องหา ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชรด้วย โดยผู้เสียหายกล่าวว่า ตนเองต้องการมาดูหน้าของคนที่ตนได้โอนเงินเข้าบัญชีไป ซึ่งตนเองรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้อย่างรวดเร็วจนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้และจะได้สืบสาวไปถึงกระบวนการนี้ต่อไปพร้อมทั้งฝากถึงประชาชนให้ระมัดระวังหากได้รับโทรศัพท์ให้ตั้งสติก่อนโอนเงิน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ พร้อมกับบอกว่าเป็นงัยล่ะ มิจเหร่อ เจอตำรวจเข้าไปเร็วกว่าโอนไวอีก

ส่วนญาติผู้ต้องหาซึ่งเดินทางมาในวันนี้ด้วยได้ แสดงเจตจำนง ขอคืนเงินจำนวน 7000 บาทให้กับผู้เสียหายโดยได้ส่งมอบกันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชรด้วย