191 รวบ 2 หนุ่มจับจ้างโอนเงินผู้เสียหายกว่า 1,000 คน ส่งลิงก์หลอกซื้อของแลกค่าคอมพบมีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น.   พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจ ร่วมจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ นายอี้หรง (Yirong) สงวนนามสกุล อายุ 34 ปี สัญชาติจีนและนายปิน (Bin) สงวนนามสกุล อายุ 20 ปี สัญชาติจีน พร้อมด้วยของกลาง เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคาร พร้อมบัตร ATM และ Sim card ของบุคคลอื่น จำนวน 57 ชุด จับกุมได้ที่ห้อง 66/134 ชั้น 4 อาคารซี คอนโดแชมเบอร์ รามอินทรา ถนนรัชดา-รามอินทรา   แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร

พล.ต.ต.สมบูรณ์ เปิดเผยส่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. ได้รับการร้องเรียนความเดือนร้อนจากประชาชนจำนวนมาก ถึงกลุ่มคนร้ายฉ้อโกงออนไลน์ ที่มีพฤติกรรมหลวงลวงประชาชนให้หลงเชื่อโดยใช้กลอุบายในลักษณะชักชวนให้ทำงานทางออนไลน์ ลงทุนร่วมกับแอพพลิเคชั่นช้อปปิ้งออนไลน์ชื่อดัง สร้างคำสั่งซื้อเสมือนจริงให้กับร้านค้าออนไลน์ ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับค่าตอบแทนสูง โดยส่งลิงก์ชักชวนให้คลิกแล้วก็จะทำการไลน์ส่งข้อมูลให้ซื้อของแล้วได้ค่าตอบแทนเป็นเงินเพิ่มมาทำจาก 10 ครั้ง เป็น 20 ครั้ง หรือ 40 ครั้งในช่วงแรกของการลงทุนจะได้ผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิสชั่นจริง แต่เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินลงทุนจำนวนมากขึ้น กลุ่มคนร้ายดังกล่าวก็จะให้อุบายต่างๆ ปิดบัญชีหนีเชิดเอาเงินไป ซึ่งมีผู้เสียหายถูกหลอกลวง 1,000 ราย และมีมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 บาท ต่อมาชุดสืบสวนจึงได้ทำการสืบสวนกลุ่มคนร้ายดังกล่าว จนทราบว่ามีกลุ่มหนึ่งในขบวนการซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินของบัญชีต่างๆ ที่ใช้หลอกลวงผู้เสียหาย ในพื้นที่สน.โคกคราม สน.มีนบุรี สภ.เมืองนนทบุรี สภ.แม่ปิง เชียงใหม่

“จากการสืบสวนพบว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวพักอาศัยอยู่ที่ห้องเลขที่ 66/134 คอนโดแชมเบอร์ รามอินทรา จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายค้น ศาลอาญามีนบุรี เพื่อทำการให้ตรวจค้นห้องดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2565 ในการเข้าตรวจค้นที่ห้องพักดังกล่าวพบ นายอี้หรง และนายปิน ชาวจีนจำนวน 2 คน อยู่อาศัยและทำงานในห้องดังกล่าว ทำหน้าที่ดูแล และจัดการระบบธุรกรรมการเงินของกลุ่มคนร้ายฉ้อโกงออนไลน์ โดยจะใช้บัญชีธนาคารผู้อื่นที่ได้จากการจ้างคนไทยเปิดบัญชี เป็นบัญชีม้าในการรับเงินจากผู้เสียหายที่หลงเชื่อโอนเงินมา แล้วจะโอนต่อเป็นทอดๆ โดยใช้ระบบอัตโนมัติหรือ AI ใรการโอนเงินภายในเวลาไม่กี่วินาทีโอนเงินเป็นจำนวนมากสลับไปโดยมีคนชื่อคริสไม่ทราบชื่อจริงนามสกุลจริงสั่งการส่งบัญชีให้โอนเงินที่ได้เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีหรืออายัดเงิน ท้ายที่สุดจะมีการโอนเงินที่ได้ไปซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิตอล แล้วส่งต่อไปยังกลุ่มในขบวนการ ในการตรวจค้นสามารถตรวจยึดคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 4 เครื่อง, โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อสื่อสาร และที่ใช้ทำงานกับระบบโอนเงินอัตโนมัติ จำนวน 10 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร ของผู้อื่นที่ได้จากการจ้างเปิดบัญชี จำนวน 57 ชุด จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีจำนวนเงินหมุนเวียนผ่านระบบบัญชีดังกล่าวมากถึงมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท โดยพบที่หน้าบัญชีมีการโอนเงินที่ได้ทันที 1,400 ล้านบาท ที่เหลือนำไปเล่นลงทุนเงินสกุลดิจิตอบหรือบิทคอยน์” ผบก.สปพ. กล่าว

จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่า ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยและทำงานเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการเงินในการรับโอนเงิน และโอนเงินต่อในลักษณะดังกล่าว ได้เงินเดือนละ 30,000 บาท ทำมาเป็นระยะเวลาประมาณ 1  ปีแล้วก่อนถูกจับกุม แต่ให้การปฏิเสธกรณีที่หลอกลวงผู้อื่นจากวิธีการดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกันมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน” ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสน.โคกคราม ดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ทำการสืบสวนขยายผล เพื่อติดตามดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น กับการกระทำความผิดต่อไ
หากประชาชนท่านใด พบเห็น หรือมีเบาะแส เกี่ยวกับการกระทำความผิดของกลุ่มคนร้ายฉ้อโกงออนไลน์ หรือหลอกลวงต่างๆ สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือโทรศัพท์สายด่วน 191 ต่อไป

/