ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปราม จับกุม “ไอ้กรด ชุมพร” เชิดเงิน ๒ ล้าน เตรียมก่อเหตุซ้ำ ชิงทรัพย์ร้านทอง

กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศชัน ผบก.ป., พ.ต.อ.ณัฐพงษ์ ปีตะบุตร, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.แมน เม่นแย้ม ผกก.กก.๔ บก.ปคม., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.๕.บก.ป. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.๔ บก.ป, พ.ต.อ.อภิชาติ เรนชนะ ผกก.6 บก.ปคบ., พ.ต.ท.เอกสิทธิ์ ปานสีทา รอง ผกก.๔ บก.ป. พ.ต.ท.ภัทรพันธ์ ศิริเพิ่มพูลชัย รอง ผกก.๔ บก.ป., พ.ต.ต.ศรัณย์ ศรีพักตร์ สว.กก.๔ บก.ป., พ.ต.ต.ปิยะพร เรียนสุทธิ์ สว.กก.๕ บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก. บก.ป., กก.๕ บก.ป., กก.สสน.บก.ป.กก.๔ บก.ปคม., กก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพร (ราชเดช ชุมพร) และ สน.ดอนเมือง ร่วมกันจับกุม สิบเอกเขมฤทธิ์ หรือกรด (สงวนนามสกุล) อายุ ๓๔ ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลอาญา ที่ ๑๘๔๑/๒๕๖๔ ลงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป” จับกุมตัวได้ภายในอาคารพาณิชย์ ริมถนนเพชรเกษม หมู่ที่ ๙ ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร พฤติการณ์ สืบเนื่องมาจากเมื่อช่วงประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๔ ผู้เสียหายได้ติดต่อซื้อขายสินค้ากับผู้ต้องหา โดยได้มีการนัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน ๒ ล้านบาท มาชำระค่าสินค้าที่บริเวณ
ย่านดอนเมือง กรุงเทพฯ ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔


ต่อมาเมื่อถึงกำหนดนัดหมาย ผู้เสียหายได้เดินทางมาพบผู้ต้องหา พร้อมกับมอบเงินสดจำนวน 2 ล้านบาท มาให้ผู้ต้องหาตรวจสอบจำนวนเงินว่าครบถ้วนหรือไม่ ซึ่งเมื่อผู้ต้องหาได้รับเงินจำนวนดังกล่าวผู้ต้องหาได้ทำทีเป็นตรวจสอบเงิน แต่หลังจากนั้นได้อาศัยจังหวะที่ผู้เสียหายเผลอ คว้ากระเป๋าที่บรรจุเงินสด จำนวน ๒ ล้านบาท วิ่งไปขึ้นรถยนต์เก๋งที่จอดรออยู่บริเวณใกล้เคียงแล้วขับหลบหนีไป หลังจากเกิดเหตุการณ์
ดังกล่าวผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง และพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา และผู้ที่เกี่ยวข้อง

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าผู้ต้องหาเคยรับราชการทหารสังกัดหนึ่ง มีความเชี่ยวซาญในการใช้อาวุธ อีกทั้งยังจบหลักสูตรการใช้อาวุธและการฝึกอบรมทางการทหาร เช่น หลักสูตรเก็บกู้และทำลาย วัตถุระเบิด (EOD), หลักสูตรสงครามทุ่นระเบิด มีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังสืบทราบว่าผู้ต้องหามีพฤติกรรมใช้ความรุนแรง มักจะพกพาอาวุธปืนติดตัว และได้
วางแผนตระเตรียมการที่จะก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองภายในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชุมพร อีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เร่งนำกำลังลงพื้นที่เพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าผู้ต้องหารายนี้หลบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่อาคารพาณิชย์ ริมถนน เพชรเกษม หมู่ที่ ๙ ต.ตากแดด อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติหมายคันต่อศาลจังหวัดชุมพรเพื่อเข้าตรวจคันอาคารหลังดังกล่าวโดยในวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕ เจ้าหน้าที่ตำรวได้นำกำลังเข้าปีดล้อมตรวจกันอาคารพาณิชย์ดังกล่าว
โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ นอกจากนี้ยังตรวจคันภายในห้องพักของผู้ต้องหา พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด ๑๑ มม. จำนวน ๑ กระบอก, ซองบรรจุกระสุนปืน (แมกกาชีน) จำนวน 6 อัน บรรจุกระสุนปืนพร้อมใช้งาน, ลูกกระสุนปืนรวม ๔๙ นัด, วัตถุคล้ายลูกระเบิด จำนวน ๑ ลูก และภายในห้องพักของผู้ต้องหายังพบเสื้อคลุม, หมวกกันน็อค, กล่องส่งอาหารของไรเดอร์บริษัทแห่งหนึ่ง จำนวน ๑ ชุด และจากการตรวจคันภายในรถยนต์ของผู้ต้องหา พบซองบรรจุกระสุนปืน (แมกกาชีน) เพิ่มเติมอีก จำนวน ๑ ซอง บรรจุกระสุนปืนพร้อม
ใช้งาน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดของกลางดังกล่าว และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ตอนเมืองดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าสาเหตุที่ก่อเหตุในคดีนี้เกิดจากตนเองติดการพนัน มีหนี้สินจำนวนมาก จึงตัดสินใจหลอกลวงผู้เสียหายให้มาพบ แล้ววิ่งราวทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน ๒ ล้านบาท โดยเงินที่ได้ไป ผู้ต้องหานำไปใช้หนี้ที่เกิดจากการเล่นการพนัน ในส่วนของอาวุธปืนและกระสุนปืน ผู้ต้องหาอ้างว่าซื้อมาจากคนรู้จัก โดยอยู่ระหว่างรอทำเรื่องโอนทางทะเบียน และในส่วนของชุดพนักงานส่งอาหาร ผู้ต้องหาหาซื้อมาเพื่อใช้อำพรางตัวเตรียมที่จะก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองช่องทางการติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม