ตำรวจไซเบอร์ ทลายรัง แก๊ง Call Center & Admin page ชาวไทยกว่า 70 คน

ตำรวจไซเบอร์ ทลายรัง แก๊ง Call Center & Admin page ชาวไทยกว่า 70 คน หลอกชักชวนลงทุนออนไลน์และพนันออนไลน์ ก่อนเชิดเงินและบล็อคการติดต่อเหยื่อ มีมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

จากกรณี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ได้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี  ว่าได้ถูกคนร้ายหลอกให้หลงเชื่อเพื่อให้นำเงินไปลงทุนกับคนร้าย โดยคนร้ายอ้างว่าสามารถนำเงินของผู้เสียหายไปลงทุนจนได้กำไรสูง ซึ่งต่อมาคนร้ายได้แจ้งให้ผู้เสียหายว่าได้รับกำไรจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว แต่ผู้เสียหายต้องโอนเงินเป็นค่าถอน ค่าธรรมเนียม ค่าภาษี และค่ารหัสผ่านในการถอนเงิน ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้โอนเงินให้แก่กลุ่มคนร้ายหลายครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 12,139,000.25 บาท ต่อมาภายหลัง เมื่อผู้เสียหายทราบว่าตนถูกหลอกลวง จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ สั่งการให้ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 เป็นผู้ควบคุมการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ โดยกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 ได้ออกสืบสวนคดีนี้ พบว่ากลุ่มคนร้ายได้เปิดเพจหลอกลงทุนและนำเงินจากการลงทุนมาเล่นพนันออนไลน์

ซึ่งจากการสืบสวนสอบสวน หาตัวคนร้ายกับกลุ่มที่ร่วมขบวนการ ทราบว่า ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่ หอพักคิตตี้ เลขที่ 601 หมู่ 10 ชั้น 2 ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี จึงได้วางแผนเข้าตรวจค้นจับกุม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขออนุญาตศาลจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อเข้าค้นบ้านหลังดังกล่าว

ผลการตรวจค้นพบ สถานที่ทำงาน ใช้ตึกอพาร์ทเม้นท์ 2 ชั้น ดังกล่าว โดยแบ่งเป็นชั้นๆละ 18 ห้อง รวม 36 ห้อง ชั้นบนเป็นที่พักพนักงาน ชั้นล่างเป็นที่ทำงาน ไม่รับบุคคลนอกและไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไป แต่ใช้เป็นที่ทำงาน Call Center & Admin page ในการชักจูงและหลอกให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมลงทุนการพนันผ่านทางช่องทางเฟสบุ๊ค และทางไลน์ ซึ่งการทำงานของกลุ่มคนร้าย มีการแบ่งการทำงานแต่ละห้อง พบคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือในการกระทำความผิดและพักอาศัยอยู่ตึกดังกล่าวทั้งหมด

จากการตรวจค้นพบผู้กระทำความผิด 66 คน, เงินสด 1,300,000 บาท, ทองคำ 20 บาท, รถยนต์ 3 คัน, คอมพิวเตอร์ 87 เครื่อง,โทรศัพท์มือถือ 23 เครื่อง, อาวุธปืน ขนาด .45 ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืน .45 จำนวน 25 นัด, บัญชีธนาคาร 50 เล่ม ซึ่งพบเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท

จากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ได้รับการว่าจ้างจากนายทุน ให้เงินเดือนเดือนละหมื่นต้นๆ โดยอาศัยที่ดังกล่าว รวมถึงมีอาหารไว้ให้พนักงานที่ร่วมกระบวนการโดย การชักจูงให้โอนมาลงทุน เมื่อได้รับเงินก็จะหลอกหลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพิ่มเรื่อยๆและเมื่อผู้เสียหายเริ่มรู้ก็ทำการบล็อคหนี

ซึ่งในเบื้องต้น จะควบคุมผู้ต้องหา ทั้ง 66 ราย ส่ง พงส.สภ.ศรีมหาโพธิจว.ปราจีนบุรี ในความผิดฐาน “ร่วมกันจัดให้มีการเล่น อุบายประกาศ โฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.การพนัน” และ ดำเนินคดีกับ ผู้ที่มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อม ดำเนินการขยายผลในความผิดฐานฟอกเงิน และ การกระทำความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน ต่อไป

ข้อหาความผิดที่เกี่ยวข้อง
1.ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ตาม ป.อาญา  มาตรา 343 โทษจำคุก ไม่เกิน  5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2.นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560  มาตรา 14(1) โทษจำคุกไม่เกิน  5  ปี  ปรับไม่เกิน 100,000  บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
3.ร่วมกันจัดให้มีการเล่น หรือทำอุบายล่อ ช่วยประกาศ โฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พรบ.การพนัน ม.12 จําคุกตั้งแต่ 3 เดือน – 3 ปี ปรับ 500 – 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
4.ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ม.18 จำคุก ไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท

  1. มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โทษจำคุก
    ตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 20,000 บาท

ทั้งนี้ ความผิดฐาน ฉ้อโกงประชาชน เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะได้แจ้ง ปปง. เพื่อยึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับคดีทั้งผู้ต้องหาหรือผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป