“บิ๊กโจ๊ก” ขยายผลจับแก๊งค้าประเวณีเด็ก พร้อมลูกค้าอีก 6 ราย และจับพ่อทำร้ายลูกสาหัส

จากกรณีที่ปรากฏข่าวตามสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับขบวนการค้าประเวณีเด็กที่เกิดขึ้นในพื้นที่  จ.สุราษฎร์ธานี และกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดแห่งหนึ่งทำร้ายร่างกายบุตรชายของตน ตามที่ทราบแล้ว นั้น

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการ ตำรวจแห่งชาติ/ผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ/ รองผู้อำนวยการ ศพดส.ตร. ให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีเด็กดังกล่าว พร้อมขยายผลจับกุมกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบริการเด็ก โดยเร่งด่วน

ต่อมา เมื่อวันที่ 17 ก.พ.65 พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศพดส.ตร. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีแม่เล้าค้าประเวณีเด็กอายุ 13 ปี ในพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานีว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบนโยบายให้เร่งปราบปรามการค้ามนุษย์ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ     พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./   ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ประสาน พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8/ผอ.ศพดส.ภ.8, พล.ต.ต.วันไชย  เอกพรพิชญ์ รอง ผบช.ภ.8/รอง ผอ.ศพดส.ภ.8, พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8/เลขานุการ ศพดส.ภ.8, พล.ต.ต.สาธิต พลพินิจ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.วัฒนา เบ้าศรี ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี, พ.ต.อ.ฐิติวัชร์ สุฐิติวนิช ผกก.สภ.ขุนทะเล และ พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล ผกก.4 บก.สส.สตม. ให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมตัวกลุ่มผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณีเด็ก ในพื้นที่ สภ.ขุนทะเล และ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี

โดย ภ.จว.สุราษฎร์ธานี มีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีที่มี น.ส.รุ่งฤดี หรือเจ๊น้ำ แซ่เบ้า เป็นแม่เล้า ร่วมกับพวกในการชักชวนและติดต่อหาลูกค้าให้กับเด็ก เพื่อให้ค้าประเวณี โดยแสวงหาและรับผลประโยชน์จากเงินที่เด็กได้จากการค้าประเวณี จากการแนะนำลูกค้าหรือรับ-ส่งเด็กไปยังโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี นอกจากนี้ ยังมีเด็กคนอื่นอีกหลายคนอายุระหว่าง 13 – 18 ปี อยู่ในสังกัดของกลุ่มเจ๊น้ำ พนักงานสอบสวน สภ.ขุนทะเล รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี และศาลได้อนุมัติหมายจับและสามารถจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย ประกอบด้วย น.ส.รุ่งฤดี หรือเจ๊น้ำ แซ่เบ้า อายุ 32 ปี น.ส.ตฤษณาหรือเฟย์ จันทร์แก้ว อายุ 24 ปี น.ส.วรรณวิสาหรือสา  แพเพชร อายุ 19 ปี น.ส.ปนิตตาหรือโอปอ ศรีวายพราหมณ์ อายุ 20 ปี

ผู้ต้องหาทั้งหมดถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ในการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี  โดยกระทำแก่บุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี,ร่วมกันเป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี, ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสีย จากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจาร ,ร่วมกันช่วยเหลือ ให้ความสะดวกหรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือรับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณีหรือจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ ,และร่วมกันชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กกระทำผิดหรือกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก

นอกจากนี้ พ.ต.อ.กิตติพงศ์ ทองทิพย์ รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้แจ้งความร้องทุกข์ แยกดำเนินคดีกับผู้ต้องหาซึ่งเป็นลูกค้า ผู้ซื้อประเวณี และศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้อนุมัติหมายจับอีก ๗ ราย ประกอบด้วย นายแสงโรจน์ หรือโอม หรืออ้วน กาญจนะ อายุ 48 ปี (สภ.ขุนทะเล หมายจับที่ จ.๔๘/๒๕๖๕ ลง ๙ ก.พ.๖๕) (จับแล้วเมื่อ ๑๓ ก.พ.๖๕) นายวีระชัย ชูขันธ์ อายุ ๔๘ ปี (สภ.ขุนทะเล หมายจับที่ จ.๔๙/๒๕๖๕ ลง ๙ ก.พ. ๖๕) (จับแล้วเมื่อ ๑๑ ก.พ.๖๕) นายทวีชาติ รักษาเพชร อายุ ๔๘ ปี (สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หมายจับที่ จ.๕๐/ ๒๕๖๕ ลง๙ก.พ.๖๕)(จับแล้วเมื่อ๑๑ก.พ.๖๕) นายชัยณรงค์ ทองรักษ์ อายุ ๔๑ ปี (สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี หมายจับที่ จ.๕๑/๒๕๖๕ ลง ๙ ก.พ.๖๕) (จับแล้วเมื่อ ๑๑ ก.พ.๖๕) นายสุรภัส หรือชื่น แก้วศุภรัชช์ อายุ ๕๒ ปี (สภ.ขุนทะเล หมายจับที่ จ.๕๙/ ๒๕๖๕ ลง ๑๖ ก.พ.๖๕) (จับแล้วเมื่อ ๑๖ ก.พ.๖๕) . นายภูมิวิชญ์ รอดนิตย์ อายุ ๓๒ ปี (สภ.ขุนทะเล หมายจับที่ จ.๕๘/๒๕๖๕ ลง ๑๖ ก.พ.๖๕) รับราชการ แพทย์โรงพยาบาล นายวีระ จํานงค์รัตน์ อายุ ๓๙ ปี (สภ.ขุนทะเล หมายจับที่ จ.๕๗/๒๕๖๕ ลง ๑๑ ก.พ.๖๕) รับราชการ ทหาร(จ.ส.อ.)

​โดยกลุ่มผู้ซื้อบริการเด็ก จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี ซึ่งมิใช่ภริยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ,กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ,ร่วมกันพรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลเพื่อการอนาจาร ,ร่วมกันพาเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตามและร่วมกันชักจูง ส่งเสริม ยินยอม หรือกระทำด้วยประการใดให้เด็กกระทำผิด”

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวว่า “จากการสืบสวนยังพบว่า น.ส.รุ่งฤดี หรือเจ๊น้ำ กับพวก   ยังมีเด็กหรือเยาวชน อายุตั้งแต่ 13 – 1๘ ปีในสังกัดอีกหลายคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามเด็กและเยาวชนดังกล่าวมาเข้ากระบวนการคุ้มครองเด็กได้จำนวน 5 คน โดยจะทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นแม่เล้าหรือลูกค้า เพื่อนำมาดำเนินคดีทั้งหมด”

อีกกรณีหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๔ ม.ค.๖๕ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้รับหนังสือจาก รพ.สุราษฎร์ธานี แจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ ๙ ม.ค.๖๕ ได้มีผู้ปกครองของ ด.ช.ดี อายุ ๖ ปี ๕ เดือน (นามสมมุติ) ได้นำตัว ด.ช.ดี เข้ารักษาตัวที่            รพ.สุราษฎร์ธานี จากการที่แพทย์ประเมินอาการบาดเจ็บเชื่อว่า เด็กได้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงจากบุคคลภายในครอบครัว สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จึงได้ตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนเรื่องดังกล่าว จนได้ทราบข้อเท็จจริงว่า ด.ช.ดี เป็นบุตรคนที่ ๒ ในจำนวนบุตรสามคนของข้าราชการตำรวจสังกัดแห่งหนึ่ง ภายในพื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี ซึ่งลักษณะของ ด.ช.ดี เป็นเด็กสมาธิสั้น มีความซุกซนมากกว่าเด็กในวัยเดียวกัน คนเป็นพ่อมีการเลี้ยงดูเด็กอย่าง         ไม่เหมาะสม มีการใช้กำลังทุบตีเพื่อให้เด็กเชื่อฟัง เป็นเหตุให้เด็กได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

โดย ด.ช.ดี มีบาดแผลตามเนื้อตัวร่างกาย และมีอาการบาดเจ็บที่ดวงตาด้านขวา มีอาการรุนแรงจนเป็นเหตุให้ต้องสูญเสียดวงตาด้านขวา หลังจากที่ คณะแพทย์ นักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ได้พิจารณาแล้วเห็นว่าบิดามีพฤติกรรมการเลี้ยงดูบุตรโดยใช้ความรุนแรง เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม มีลักษณะเป็นการทารุณกรรมต่อเด็ก     ใช้ความรุนแรงกับบุคคลในครอบครัวจนเป็นเหตุให้ ด.ช.ดี ได้รับอันตรายสาหัส จึงร้องทุกข์ให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับบิดา พนักงานสอบสวน ได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาของ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี และได้มีการแจ้ง    ข้อกล่าวหาแก่บิดาให้ทราบว่า ทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส, กระทําอันเป็นการทารุณกรรม ต่อร่างกายหรือจิตใจของเด็ก และกระทำความรุนแรงในครอบครัว

ในส่วนของ ด.ช.ดี ภายหลังจากได้รับการรักษาตัวที่ รพ.รามาธิบดี และแพทย์อนุญาตให้กลับมารักษาตัวที่บ้านได้นั้น ปัจจุบันได้ไปพักอยู่กับมารดาและญาติของมารดา โดยมีนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ของบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้การช่วยเหลือ ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ สำหรับบิดานั้น นอกจากถูกดำเนินคดีอาญาแล้ว ต้นสังกัดได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินการทางวินัยอีกส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ทางผู้บังคับบัญชา นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ และบิดา ได้มีการทำความตกลงร่วมกันในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการเลี้ยงดูบุตร ตลอดจนการบำบัดฟื้นฟูสภาพจิตใจของบิดาซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการบำบัดแก้ไขเยียวยาเพื่อให้ครอบครัวดังกล่าวนั้นสามารถกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอย่างปกติสุขได้ต่อไป

ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน                ได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีเด็ก และความรุนแรงในครอบครัวดังกล่าว เพื่อให้ประชาชนโดยทั่วไปได้ทราบ นอกจากนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA: @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE  เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป