เมื่อเวลา13.00 น.วันที่25 มี.ค. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.)
พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ. ,พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รอง ผบก.สปพ. ,พ.ต.อ.ชัยกฤติ โพธิ์อ๊ะ,พ.ต.อ.เด่นหล้า รัตนกิจ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.นิพนธ์ นิธิการุณย์เลิศ, พ.ต.ท.จักริน พิริยะจิตตะ, พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี และพ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร รอง ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ต.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ 1, พ.ต.ต.เชษฐพร บัวจันทร์ สว.งานสายตรวจ 2 และ พ.ต.ต.พุฒิพัฒน์ โกยมวงษ์เจริญ สว.งานสายตรวจ 3 ร่วมกันแถลงผลการระดมกวาดล้างเครือข่ายลักลอบผลิต-จำหน่ายอาวุธปืนเถื่อน รวม3คดี จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน4 คน
คดีแรก จับกุม นายสุวพนธ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลาง 1. อาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก 2. อาวุธปืนสั้นไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก 3. อาวุธปืน แบลงค์กัน จำนวน2 กระบอก4. ปลอกลดเสียง จำนวน2อัน 5. กระสุนปืน จำนวน126นัด6. ถังสำหรับลองยิงอาวุธปืน จำนวน 1ถังรวมของกลาง อาวุธปืน 4 กระบอก , เครื่องกระสุนปืน จำนวน 126 นัด , ปลอกลดเสียง จำนวน 2 อัน จับกุมในข้อหา มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 2223 ม.4 ซ.ศรีบุญเรือง 1 ต.เทพารักษ์ อ.สมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีการขยายผลจับผู้ต้องหารายนี้เป็นช่างซ่อมอาวุธปืน สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ ได้จับกุม นายนาถภูมิ (สงวนนามสกุล) ภายในพื้นที่ ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พร้อมด้วยของกลางอาวุธปืน(ไทยประดิษฐ์), กระสุนปืนอาวุธสงคราม AK 47 จำนวนมาก จากนั้นจึงทำการสืบสวนขยายผล รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อทำการขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการ จนสามารถจับกุมผู้ต้องหารายนี้ได้พร้อมของกลางจึงแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2.จับกุมกลุ่มช่างบี แหล่งผลิตอาวุธปืน ทำผิดซ้ำสอง ผู้ต้องหา จำนวน 2 ราย คือ ๑. นายจตุพล หรือ ช่างบี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี 2. นายกฤษฏา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 พร้อมด้วยของกลาง 1. ปืนยี่ห้อ Kimber ขนาด .380 (ไทยประดิษฐ์)จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 4 นัด 2. ลูกกระสุนปืน .45 จำนวน 32 นัด เหล็กสำหรับทำลำกล้อง จำนวน 4 แท่ง 4. เหล็กสำหรับทำลำกล้องที่ตัดแล้ว 6 ซม.จำนวน 6 อัน 5. เหล็กสำหรับทำลำกล้องที่ตัดแล้ว 10 ซม. จำนวน 15 อัน จับกุมในข้อหา ผู้ต้องหาที่ 1 “ร่วมกันผลิตอาวุธปืน(ไทยประดิษฐ์)เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีอาวุธปืน(ไทยประดิษฐ์)ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน โดยไม่มีเหตุอันควร”ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 “ร่วมกันผลิตอาวุธปืน(ไทยประดิษฐ์)เพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันมีอุปกรณ์ส่วนควบอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมได้ที่บริเวณภายในบ้านเลขที่ 33/13 ถ.พุทธมณฑลสาย 4 ซอย 3 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดนครปฐม
การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 3 ได้สืบทราบว่ามีกลุ่มผู้ต้องหาได้ลักลอบผลิตอาวุธปืน,ลำกล้องปืน,และชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก โดยกลุ่มผู้ต้องหาได้ใช้บริษัทเอกชนรายหนึ่งในการเป็นแหล่งประกาศขายสินค้าให้แก่ลูกค้าซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้อย่างแพร่หลาย จากการสืบสวนทราบว่าผู้ต้องหาที่ 1 นายจตุพล ซึ่งเคยถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2564 ได้กลับมาผลิตและขายอาวุธปืนทางออนไลน์อีกครั้ง โดยแหล่งผลิตอาวุธปืนได้ตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 33/13 ซอย 3 ถนนพุทธมณฑลสาย 4 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.นครปฐม จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานจนกระทั่งได้รับอนุมัติหมายค้นจากศาล จากนั้นเมื่อได้รับอนุมัติหมายค้นจากศาลแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นดังกล่าวแสดงให้ผู้ต้องหาดู และเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ปรากฎว่าพบอาวุธปืนและชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆที่ผิดกฎหมายจำนวนมาก จากการสอบสวนผู้ต้องหารับว่าตนได้ผลิตอาวุธปืนและชิ้นส่วนต่างๆของอาวุธปืนเพื่อจำหน่ายให้แก่บุคคลทั่วไปโดยการประกาศขายผ่านระบบออนไลน์ของบริษัทเอกชนรายใหญ่ รวมถึงตนได้ใช้บริการบริษัทขนส่งเอกชนรายใหญ่ในการส่งอาวุธปืน,ลำกล้องปืน,และชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนต่างๆที่ผิดกฎหมายให้แก่ลูกค้า จึงแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่3 สืบสวนขยายผลเครือข่ายลูกค้า ช่างบี จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ นายเฮ่อเลิ่น (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี สัญชาติ จีนไต้หวัน พร้อมด้วยของกลาง ปืนไทยประดิษฐ์ ยี่ห้อ zoraki ขนาด .380 จำนวน1กระบอก ,ปืนไทยประดิษฐ์ ยี่ห้อ colt ขนาด .380 จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน จำนวน1อัน 3.ปืนไทยประดิษฐ์ ยี่ห้อ glock ขนาด .380 จำนวน1กระบอก 4.ปืนไทยประดิษฐ์ ยี่ห้อ wool Maharishi ขนาด .380จำนวน1 กระบอก 5.ปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกโม่) ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก 6.ลูกปืน ขนาด .380 จำนวน 108นัด 7.ลูกปืน ขนาด .38 จำนวน 12 นัด จับกุมในข้อหา“มีอาวุธปืน(ไทยประดิษฐ์) ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีสิ่งเทียมอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยสามารถจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 79/100 ซ.รามคำแหง 150 แขวงราษฎร์พัฒนา เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ
การจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 3 กก.สายตรวจ ได้สืบสวนจับกุม นายจตุพล หรือช่างบี เมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2565 จากนั้นได้สอบสวนจึงทราบว่าตนได้ส่งอาวุธปืนดัดแปลงลำกล้องให้กับนาย เฮ่อเลิ่น จำนวนหลายกระบอก เจ้าหน้าที่ตำรวจงานสายตรวจ 3 จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายค้นจากศาล ต่อมาเมื่อศาลได้อนุมัติหมายค้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำหมายค้นดังกล่าวแสดงให้ผู้ต้องหาดู และเข้าตรวจค้นภายในบ้าน ปรากฏว่าพบอาวุธปืนจำนวนหลายกระบอก จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับว่าตนได้ทำการส่งอาวุธปืนแบลงค์กันไปให้ ช่างบี ดัดแปลงลำกล้องเพื่อสามารถที่จะใช้เหมือนอาวุธปืนจริง โดยรู้จักร้าน ช่างบี ผ่านแพลต์ฟอร์มขายสินค้าทางออนไลน์ซึ่งสามารถเข้าถึงง่ายและราคาไม่แพงมาก โดยราคาการดัดแปลงลำกล้องอยู่ที่กระบอกละ 4,200 บาท และสามารถสั่งสินค้าได้ตามต้องการ จึงถูกเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาเพื่อนำตัวไปดำเนินคดีและของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนต่อไป.
พ.ต.อ.ชัยกฤติ โพธิ์อ๊ะ รอง ผบก.สปพ.กล่าวว่า
ในวันนี้ พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ.ติดภาระกิจจึงมอบหมายให้มาทำหน้าที่แทน สืบเนื่องจากทาง ตร.ได้มีการจัดให้ระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในทุกกองบัญชาการทุกเดือน ในเดือนมีนาคมนี้ โดยทาง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.สั่งการมาทางกองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ ในระหว่างวันที่21 มีนาคม-25 มีนาคม นี้ ท่าน พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว ผบก.สปพ.ได้สั่งการให้ปฎิบัติตามนโยบายอย่างเคร่งครัด โดยการจับกุมให้เน้นอาวุธปืน, อาวุธสงคราม,วัตถุระเบิด รวมทั้งความผิดเรื่องยาเสพติด โดยจากการระดม5วัน ทางสายตรวจ191 ได้จับกุมอาวุธปืนและยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ซึ่งได้เข้าไปจับกุมภายในโรงงานผลิตอาวุธปืนอีกด้วย
พ.ต.อ.ชัยกฤติ รอง ผบก.สปพ.กล่าว.
