ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ป. รวบหนุ่มรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์

กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ, พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป., พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ, พ.ต.ท.อลงกต คชแก้ว, พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนง, พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ, พ.ต.ท.ธนศักดิ์ สว่างศรี รอง ผกก.กก.๑ บก.ป.

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พ.ต.ท.จักรี กันธิยะ สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.เกียรติบดินทร์ วงค์งาม รอง.สว.กก.1 บก.ป., ร.ต.อ.อดิศร อายุโย, ร.ต.ท.ณัฐวัฒน์ จำปาสาร, ร.ต.ท.เอกลักษณ์ รุ่งเรือง รอง สว.(ป) กก.1 บก.ป.
และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.๑ บก.ป.

ร่วมกันจับกุม นายภูริเดช (สงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดปราจีนบุรี ที่ จ.36/2565 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิด ความเสียหาย แก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2564 นายภูริเดช (ผู้ต้องหา) ได้ติดต่อซื้อขาย บัญชีธนาคารกับนายหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านเฟซบุ๊ก โดยผู้ต้องหาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงิน จำนวน 1,500 บาท จากนั้นแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะนำบัญชีธนาคารที่ได้ไปหลอกลวงประชาชนในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ ทำให้มีประชาชนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก ผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง
จึงเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ เพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย จนกระทั่งวันที่ 14 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาได้หลบหนีมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงออกตรวจสอบจนพบผู้ต้องหา ยืนอยู่บริเวณซอยภายในหมู่บ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม
จึงเข้าแสดงตัวและจับกุม จากนั้นตัวผู้ต้องหานำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีมหาโพธิ เพื่อดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

​ตำรวจสอบสวนกลางขอเตือนภัย พฤติกรรมรับจ้างเปิดบัญชีหรือขายบัญชีธนาคารให้กับบุคคลอื่น ถือว่าเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมาย