พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ นำแถลงข่าว จับแท็กซี่หื่นขืนใจผู้โดยสารสาวเมียนมา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 เมษายน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศพดส.ตร. , พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น ผบก.น.4 , พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู รอง ผบก.น.4 , พ.ต.อ.เศรษฐพันธ์ ศรีสาคร ผกก.สน.หัวหมาก ร่วมแถลงข่าวจับกุม นายอดิเรก หรือหมี แซ่เบ๊ อายุ 39 ปี ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา เลขที่ 685/2565 ลงวันที่ 8 เมษายน 2565 ในข้อหา พรากผู้เยาว์อายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี โดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจาร, ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืน , ข้อหาหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น , ข้อหาชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน , ข้อหาครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น และ ข้อหามีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจับกุมได้ที่บริเวณแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 เมษายน ที่ผ่านมา ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุจาก น.ส.เอ ( นามสมมุติ) อายุ 17 ปี สัญชาติเมียนมา ว่า ถูกคนร้ายซึ่งเป็นคนขับรถแท็กซี่อ้างชื่อบุคคลอื่นหลอกลวงว่าจะพาไปสมัครงาน ก่อนจะพาเข้าโรงแรมม่านรูดและข่มขืนกระทำชำเรา และหลังก่อเหตุคนขับแท็กซี่คนดังกล่าวก็พาตัวผู้เสียหายไปส่งตำรวจเพื่อแจ้งจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง หล้งจากได้รับแจ้งเหตุ ตำรวจสอบสวนผู้เสียหายร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและล่ามแปลภาษา และลงพื้นที่สืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายอดิเรก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เผยอีกว่า จากการสืบสวน ทราบว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือน มีนาคมที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้ให้น้าสาวซึ่งสามารถพูดและอ่านภาษาไทยได้ ช่วยโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กของน้าสาวเอง ก่อนที่นายอดิเรกจะใช้เฟซบุ๊กซึ่งใช้ใบหน้า และ ชื่อของบุคคลอื่นทักมาว่าต้องการรับเข้าทำงาน และจะให้รถแท็กซี่ไปรับตัวผู้เสียหาย จนน้าสาวของผู้เสียหายหลงเชื่อ ต่อมาในวันที่ 1 เมษายน นายอดิเรก ได้ขับรถแท็กซี่สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทฬ 8744 กรุงเทพมหานคร มารับผู้เสียหายจากที่พัก และหลอกว่าจะพาไปหานายจ้าง ซึ่งน้าสาวได้ให้ผู้เสียหายขึ้นรถไปเพียงลำพัง แต่แทนที่นายอดิเรกจะพาผู้เสียหายไปหานายจ้าง กลับพาเข้าโรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในซอยอินทมาระ 31 โดยอ้างว่าจะพาไปตรวจ ATK และให้ผู้เสียหายรออยู่ในห้องพักโรงแรมดังกล่าว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เผยอีกว่า จากนั้นในเวลา 21.30 น.วันเดียวกัน นายอดิเรกได้กลับเข้ามาในโรงแรมอีกครั้ง และจับผู้เสียหายใส่กุญแจมือก่อนจะข่มขืนกระทำชำเรา ซ้ำยังมีการถ่ายภาพขณะลงมือข่มขืนเหยื่อเอาในโทรศัพท์มือถือด้วย และยังลักเอาโทรศัพท์กับเงินสด 500 บาท ของผู้เสียหายไป ซึ่งหลังจากที่นายอดิเรกก่อเหตุแล้ว ได้ขับรถพาผู้เสียหายไปส่งที่ สน.คลองตัน โดยได้แจ้งกับทางตำรวจว่า ให้จับกุมผู้เสียหายเนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวที่ไม่พกหนังสือเดินทาง จากนั้นจึงรีบขับรถออกไปทันที ทางตำรวจ สน.คลองตัน พร้อมล่ามแปลภาษาจึงได้สอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้น จนทราบว่าถูกนายอดิเรกหลอกไปข่มขืนก่อนนำมาส่งตำรวจ จึงได้ให้การช่วยเหลือ และพาตัวแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เผยอีกว่า ต่อมา ตำรวจ ศพดส.ตร. ร่วมกับ ตำรวจ สน.หัวหมาก จึงได้ติดตามจับกุมตัวนายอดิเรก ได้ในที่สุด โดยมีพฤติกรรมเอาภาพและเบอร์โทรศัพท์ไปทิ้งไว้ในเพจเฟซบุ๊กสำหรับหางาน แต่ไม่ได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด และเมื่อมีผู้หลงเชื่อก็จะตกเป็นเหยื่อ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นผู้หลอกลวงเหยื่อ พาไปโรงแรมหลอกว่าจะมีการตรวจ ATK และให้อาบน้ำชำระร่างกายสำหรับตรวจเชื้อ และ ลงมือข่มขืน ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพไว้จริง และอ้างว่าก่อเหตุเป็นครั้งแรก แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบว่ายังมีผู้ตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย มีหนึ่งรายที่ถูกหลอกลวงว่าจะพาไปทำงานย่านหนองแขม แต่ถูกมาไปยังห้องพักย่านประชาชื่น ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการลงมือข่มขืนหรือไม่ ทั้งยังพบว่านายอดิเรกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขนคนลงพื้นที่ภาคใต้ โดยอยู่ระหว่างการขยายผล

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้ผู้เสียหายเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้แจ้งข้อหาเนื่องจากกรณีนี้ผู้เสียหายตกเป็นเหยื่อ ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความเป็นมนุษย์ จะเข้ามาดูแลและเยียวยาสภาพจิตใจก่อนส่งตัวกลับประเทศต่อไป ส่วนผู้เสียหายรายอื่น หากมีเบาะแส สามารถมาแจ้งข้อมูลได้ที่ สน.หัวหมาก

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในคดีนี้คนร้ายถือโอกาสที่เหยื่อเป็นบุคคลต่างด้าวที่ต้องการหางานทำ หลอกลวงว่าจะพาเหยื่อไปสมัครงานก่อนจะพาเข้าโรงแรมไปข่มขืนโดยโดยการใส่กุญแจมือ ซึ่งผู้เสียหายเองยังเป็นเยาวชนและมีข้อจำกัดทางภาษา ประกอบกับผู้ปกครองซึ่งเป็นน้าสาวของผู้เสียหายหลงเชื่อผู้ต้องหา จึงปล่อยให้ผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วย จึงอยากจะขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับการช่วยกันดูแลบุตรหลานของตน มิให้ตกเป็นเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศ ระมัดระวังในการมอบความดูแลเด็กและเยาวชนให้กับบุคคลอื่น เพื่อมิให้เกิดเหตุสะเทือนใจเช่นนี้อีก รวมถึงการหางานผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่างๆ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการหลอกลวงหลายรูปแบบที่มีตัวอย่างเกิดขึ้นให้เห็นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงแอบอ้างบุคคลอื่นแล้วพาผู้เสียหายไปกระทำอนาจาร หรือการหลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ จึงอยากจะขอให้มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลที่รับสมัครงานอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสหลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน

ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชน ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน ได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ
www.humantrafficking,police.go .th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก www.facebook.com/ TICAC2016 หรือ Line OA : @ HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER: @ safe dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าวเพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำ
ผิดต่อไป