ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงพื้นที่เร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน พร้อมขับเคลื่อนการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายรวมไทยสร้างชาติและขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ของรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งการบูรณาการความร่วมมือ ของส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนทุกภาคส่วน รวมพลังกันเพื่อทำนุบำรุงสถาบันหลักของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในทุกมิติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาลมาสู่การปฏิบัติ โดยดำเนินโครงการ “สร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบล เพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together)” โดยมีเป้าหมาย “ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอและแก้ไขปัญหา ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว เพื่อความผาสุกของประชาชนอย่างยั่งยืน ” โดยมอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข และ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ร่วมกันขับเคลื่อนโครงการ

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวว่า ในวันนี้ ตนได้เดินทางลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพื่อขับเคลื่อนและตรวจติดตามผลการดำเนินการ ให้คำปรึกษา และเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องการดำเนินการ ตามโครงการสร้างเครือข่ายการมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันอาชญากรรมระดับตำบลเพื่อสนับสนุนการป้องกันอาชญากรรม ตามนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน (Stronger Together) ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร โดยได้ร่วมประชุมสรุปผลการดำเนินการร่วมกับตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมหัวหน้าสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจในสังกัด ภ.จว.สมุทรสาคร และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่ โดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 และ พ.ศ.2564 ภ.จว.สมุทรสาคร มีการอบรมเครือข่ายประชาชนไปแล้ว 968 คน และในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ได้มีการอบรมเครือข่ายประชาชนที่เป็นผู้นำและผู้มีบทบาทในสังคมทุกสาขาอาชีพ จาก 5 สถานีตำรวจ ในสังกัด ภ.จว.สมุทรสาคร สถานีตำรวจละ 50 คน รวม 250 คน ทำให้ปัจจุบันมีเครือข่ายประชาชนแล้วจำนวนทั้งสิ้น 1,218 คน ในห้วงวันที่ 1 มีนาคม 2565 – 20 พฤษภาคม 2565 หน่วยได้รับรายงานปัญหาที่ประชาชนเดือนร้อน จำนวน 31 เรื่อง และได้ติดตามขับเคลื่อนและเร่งรัดให้หน่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 29 เรื่อง ได้แก่ ปัญหาด้านสังคม จำนวน 21 เรื่อง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ จำนวน 4 เรื่อง ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม จำนวน 4 เรื่อง และอยู่ระหว่างหน่วยดำเนินการแก้ไข จำนวน 2 เรื่อง

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวต่อว่า ผลการปฏิบัติในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตามโครงการฯ ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ที่น่าพอใจ ในห้วงเวลาที่ผ่านมา เช่น การสร้างบ้านและสนับสนุนอุปกรณ์ซ่อมแซมบ้านตามโครงการบ้านสานฝันแห่งรอยยิ้ม ให้กับประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนในชุมชนบ้านสันดาบ ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร รวมจำนวน 23 หลัง การดำเนินการซ่อมแซม ทาสีและปรับปรุงอาคารโรงเรียนบ้านสันดาบ การติดตั้งกล้องวงจรปิดและระบบไฟฟ้าส่องสว่าง เพื่อป้องกันอาชญากรรม การปรับปรุงภูมิทัศน์ สภาพแวดล้อมและเส้นทางการจราจรในทุกพื้นที่ชุมชน เพื่อลดอุบัติเหตุ ตลอดจนการจัดอบรมสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชน

จากนั้น พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะเครือข่ายภาคประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ ของ สภ.โคกขาม เยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของให้กับประชาชนที่ได้รับการช่วยเหลือตามโครงการบ้านสานฝันแห่งรอยยิ้ม แจกถุงยังชีพให้ประชาชน สอบถามและรับฟังความคิดเห็น รับทราบสภาพปัญหาและความต้องการ ตลอดจนข้อเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาจากเครือข่ายภาคประชาชนในชุมชนบ้านสันดาบ ตรวจติดตามผลการแก้ไขปัญหา โดยการปรับปรุงภูมิทัศน์ อาคารสถานที่ ทางม้าลายบริเวณหน้าโรงเรียน และระบบกล้องวงจรปิด ณ โรงเรียนบ้านสันดาบ

พล.ต.ท.ประจวบฯ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดชุมชนสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้รับการคัดเลือกและผ่านการอบรมทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานเครือข่ายของ ภ.จว.สมุทรสาคร และทุกสถานีตำรวจทั่วประเทศ ให้เพิ่มความถี่ในการลงพื้นที่เพื่อประสานงานและรับทราบสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชนและประชาชนผ่านเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้รับการคัดเลือกและประชาชนในพื้นที่ให้มากขึ้น พร้อมทั้งเร่งรัดการแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการในแต่ละระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด สำหรับสถานีตำรวจที่ยังมีผลการปฏิบัติน้อย ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับลงไปตรวจสอบ กำชับและกำกับดูแล ให้มีผลการปฏิบัติเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการและแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน เพื่อสนองนโยบายรวมไทยสร้างชาติและขับเคลื่อนไทย ไปด้วยกันของรัฐบาลต่อไป

พล.ต.ท.ประจวบฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความมุ่งหวังว่าการดำเนินโครงการดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จ เสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ แก้ไขปัญหาความต้องการ และความเดือดร้อนของประชาชน ชุมชนสังคมมีความสงบเรียบร้อย ประชาชนมีอาชีพ มีรายได้ ส่งเสริมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ดังนั้นสถานีตำรวจและข้าราชการตำรวจทุกนาย จักต้องดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องจริงจัง ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนและสังคม มีความเชื่อถือ เชื่อมั่น ศรัทธา ต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติสืบไป